วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เฉลิมพระชนม์พรรณษา ๕ ธันวามหาราช


ทีฆายุโก โหตุ มหาราชา
:
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า คณะ NEC ม. บูรพา รุ่น 11/2551

วันพุธที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2551

กำแพงของหัวใจ

:: ในสภาวปัจจุบันนี้สังคมและธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงกันมากจึงทำให้เราชาว NEC
ที่ทำธุรกิจอยุ่ต้องประสพกับปัญหาไปด้วยกันทุกคนขอให้ทุกคนใช้สติในการพินิจ
พิเคราะห์หรือตัดสินใจในการดำเนินธุรกิจต่อไปและสำหรับเพื่อนๆที่กำลังมองหาธุรกิจ
ใหม่ๆที่จะทำก็ขอให้ตัดสินใจให้ดีๆด้วยครับเพราะว่าทุกคนก็ได้ผ่านหลักสูตรของการ
อบรม NEC มาแล้วโดยขอให้ใช้หลักการที่เราได้รับการอบรมมาให้เป็นประโยชน์ให้
มากที่สุดผมคิดว่าจะนำพาท่านที่จะทำธุรกิจได้ประสพผลสำเร็จ ส่วนใครที่กำลังจะทำ
คือว่าจะทำอยู่เรื่อยๆคือว่าจะไม่เสร็จนั้นต้องขอฝากนิทานเรื่องนี้มาให้ได้คิดกันครับ
ผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่จะตัดสินใจทำธุรกิจใหม่ๆ

::ขอให้ทุกท่านโชคดีมีเงินใช้ทุกคนครับ::
>> จากเว็บมาสเต้อร์<<

: กำแพงของหัวใจ :

: ผู้หญิงคนหนึ่ง อาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กๆน่ารักหลังหนึ่งริมทะเล กับสามีของเธอ

บ้านหลังนี้มีหน้าต่างอยู่บ้าง แต่ด้านที่หันเข้าหาทะเล กลับไม่มีหน้าต่างเลย
มีแต่กำแพงเก่าๆหนาๆอันหนึ่งตั้งอยู่ ผู้หญิงคนนี้เคยเอ่ยขึ้นมาว่า
"ถ้าเราทลายกำแพงนี้แล้วสร้างเป็นหน้าต่าง ก็คงจะทำให้รับลมทะเลอันสดชื่นได้เยอะเลย"
แต่สามีของเธอบอกว่า

"บ้านหลังนี้เก่ามากแล้ว ถ้าเราทลายกำแพง อาจทำให้บ้านทั้งหลังพังลงมาก็ได้"
ผู้หญิงคนนั้นเชื่อฟังสามี และก็ได้แต่เก็บความคิดอันนั้นไว้ในใจ
เธอคิดว่าที่เขาพูดก็คงมีเหตุผลที่ดี บ้านที่เก่าแล้วเราไม่ควรเปลี่ยนอะไรมาก

วันหนึ่ง สามีของเธอมาตายจากไป เธอต้องเผชิญหน้ากับการเป็นหม้าย
การที่ต้องอยู่คนเดียว เธอไม่รู้จะทำอะไรกับชีวิตใหม่นี้
ไม่กล้าที่จะทำอะไรเลยสักอย่าง
เพราะเธอไม่แน่ใจว่าการเปลี่ยนแปลงมันจะทำให้เธอต้องเผชิญกับอะไรบ้าง
ถ้าเธอออกจากบ้าน ไปหางานทำ ไปสร้างสังคมใหม่ ชีวิตของเธอจะพลิกผัน
ไปเจอกับอะไรบ้างก็ไม่รู้ เธอจึงได้แต่อยู่นิ่งๆ ปล่อยให้วันคืนผ่านไป
โหยหาอยากให้อดีตกลับคืนมา อยากให้วันคืนเดิมๆย้อนมา
ทั้งๆที่ก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ในช่วงเวลาเหล่านั้น เธอมักจะฝัน
เธอฝันบ่อยๆว่าเธออยากจะทลายกำแพงฝั่งที่ติดทะเลนั้น
เธอเตรียมอุปกรณ์ไว้พร้อม แต่ก็ลังเล ไม่กล้าที่จะทำเสียที เพราะกลัวว่าบ้านจะพังลงมา
และทุกครั้งที่เธอตื่นนอน เธอก็จะมาด้อมๆมองๆที่กำแพง
ใจหนึ่งก็อยากจะพังมันให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่อีกใจหนึ่งก็ยังนึกถึงคำที่สามีบอก
"บ้านมันเก่ามากแล้ว เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอก"
และในที่สุด เธอก็อดรนทนไม่ไหว เธอเล่าความฝันให้เพื่อนบ้านของเธอฟัง
เพื่อนบ้านของเธอเป็นหนุ่มสาวนิสัยดีคู่หนึ่ง เมื่อพวกเขาได้ฟังดังนั้น
ก็ไม่รอช้า รีบคว้าอุปกรณ์ต่างๆแล้วมุ่งหน้ามาที่บ้านเธอ
พวกเขาลงมือทลายกำแพงนั้นทันที ในขณะที่หญิงเจ้าของบ้านพร่ำอุทานด้วยความหวาดกลัว
"ทำแบบนี้จะดีเหรอคะ"
"บ้านอาจจะพังลงมาก็ได้"
"นี่ฉันกำลังปล่อยให้พวกคุณทำอะไรกันอยู่ ฉันบ้าไปแล้วรึเปล่า"
แต่เพื่อนบ้านผู้แสนดีของเธอก็ยังคงลงมือพังกำแพงต่อไป แล้วก็บอกกับเธออย่างอ่อนโยนว่า
"บ้านของคุณจะปลอดภัยดี ไม่ต้องห่วง"
และในที่สุด กำแพงนั้นก็พังทลายลงมา และบ้านของเธอก็ยังยืนหยัดอยู่อย่างสบาย
สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปก็คือ ลมเย็นๆแสนสดชื่นจากชายทะเล ที่พัดเข้ามาในบ้านเธอได้ตลอดวัน
ตอนนี้ ผู้หญิงคนนี้ได้เข้าใจแล้วว่า การเปลี่ยนแปลงไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวขนาดนั้น บ้านของเธอ
และตัวของเธอ ไม่ใช่สิ่งที่เก่าเกินกว่าที่จะเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งบ้านของเธอ และตัวของเธอเอง
เข้มแข็งพอที่จะรับสิ่งใหม่ๆ ถ้าเพียงเธอกล้าพอที่จะยอมให้สิ่งใหม่ๆนั้นเข้ามา
คุณล่ะ มีกำแพงแบบนี้อยู่ในชีวิตของคุณบ้างไหม มีบางสิ่งบางอย่างรึเปล่า
ที่ลึกๆในหัวใจเรียกร้องอยากจะทำ แต่คุณก็ไม่ยอมทำเสียที เพราะมัวแต่คิดว่า
นั่นมันไม่ใช่ฉัน ไม่ใช่ชีวิตแบบที่ฉันรู้จัก
ไม่ใช่สิ่งที่ฉันวางแผนไว้ว่าจะทำ คุณกลัวว่าเจ้าสิ่งใหม่ๆอันนั้นจะ
ทำให้ชีวิตที่คุณสร้างมาดิบดีจะต้องพังทลายลง คุณกลัวที่จะต้องออกจากความคุ้นเคยเก่าๆ
ออกจากชีวิตแบบเดิมๆที่คุณรู้จักดีมาตลอด
ทลายกำแพงนั้นลงเถอะนะ แล้วปล่อยให้สายลมแห่งความสุขพัดเข้ามาในชีวิตของคุณ
"อย่าติดกับวันที่ดีเก่าๆ อย่าอยู่กับความคุ้นเคยเก่าๆ อย่าให้วันคืนที่ดีเก่าๆมันทำร้าย
เปิดดวงใจของเธอค้นหา สิ่งที่เธอนั้นคอยไขว่คว้า ให้เวลารักษาและพาให้พบ....กับวันใหม่"

.....ขอให้ความดีคุ้มครอง.....
.....ขอให้บุญรักษา.....
.....ขอให้ทุกท่านจงประสพแต่สิ่งดีๆในการทำธุรกิจ.....

งานเลี้ยงสังสรรค์ ครั้งที่ 3 (ของฝากเพื่อสุขภาพ)

สวัสดีครับเพื่อนๆ NEC รุ่น 11/2551 ทุกท่านต้องขอโทษที่มาอัพเดทข้อมูลช้าไป
หน่อย ครับเพราะว่าอากาศเปลี่ยนแปลงเลยทำให้ไม่ค่อยสบายครับเมื่อหายดีแล้วจึงได้มา
อัพเดทข้อมูล ให้เพื่อนๆเราได้รับทราบครับ วันที่ 29 พ.ย. 2551 เป็นวันนัดเลี้ยงสัง
สรรค์ของเราตาม ปรกติแต่ต้องขอบอกว่าน่าใจหายเล็กน้อยครับคือว่าสมาชิกกลุ่มของเรา
ไม่มาในงานหลายท่าน ด้วยกันจึงทำให้งานกร่อยไปมากเลยครับโอกาสหน้าผมคิดว่าน่า
จะมีคนมามากกว่านี้ครับและ ผมเองด้วยความรีบก็ได้ลืมกล้องถ่ายรูปไปด้วยเลยไม่ได้เก็บ
ภาพบรรยากาศมาให้ชมกันครับ งานนี้พี่เสริฐมากับคุณเกรียงไกรจากระยองมาก่อนเลย
ครับพี่เสริฐบอกว่างนนี้ขาดความอบอุ่น ไปมากครับงานหน้าต้องขอให้เรามากันมากกว่า
นี้ครับในงานมี ไพบูลย์ อนุชัย โสภณ วิกานดา
วุฒิชัย ตรีรัตน์ พี่เสริฐ จักรกริช เกรียงไกร วรกันต์

::และด้วยสภาวอากาศที่เปลี่ยนแปลงทำให้มีโอกาสเจ็บไข้ได้ป่วยไม่สาบย
จึงขอฝากตำรับตำรายาจากสมุนไพรที่ดีและมีประโยชน์มาให้ครับ::

. ยามะตูมนิ่ม ( ยาลูกแปลกแม่ )

ตำนานมะตูมนิ่ม หลวงรัตนะพิม พานุรักษ์เล่ามา
จักได้เริ่มเรื่อง เรียบเรียงบรรณนา ของเก่าเล่ามา
เร่อร่าน่าชัง ยาลูกแปลกแม่ เจ้ากรมครุธแก่
เล่าเรื่องให้ฟัง ว่าชายหนึ่งได้ มะตูมนิ่มขลัง
สมดังใจหวัง

ผลหนึ่งทำยา กล้วยน้ำไทเพิ่ม หวีหนึ่งเทียวนา
พริกไทยเท่ายา ว่าเต็มทะนาน นึ่งขึ้นด้วยกัน
มะตูมเชือดหั่น

กล้วยน้ำปอกฝาน พริกไทยในห่อ เอาคลุกคุลีการ
ย่อยให้แหลกนาน ทำแผ่นตากเรียง แห้งแล้วลงครก
ป่นแหลกสิ้นเสียง
ยกโถตั้งเคียง น้ำผึ้งคลุกเท เสร็จแล้วเก็บไว้

บุรุษนั้นไซร้ ไปเที่ยวเตร็ดเตร่ บ้านอื่นเมืองไกล
เที่ยวไถลโยเย ยากเย็นแก่นเก ยังไม่กลับมา

แม่อยู่ข้างนี้ เห็นนานเต็มที ลูกไม่กลับมา
เดินไปในเรือน พบแต่โถยา นี่ของลูกข้า
ทำไว้กินดู

โรคภัยหายสิ้น กายินเฟื่องฟู คนอื่นแลดู
เคลิ้มแปลกตาไป ที่เคยล้างหน้า บ้วนปากลงไป
หญ้าที่นั้นไซร้ งอกงามผิดตา
โคหนึ่งเขาปล่อย แก่ผอมชรา เที่ยวซัดเซมา
พบหญ้าสดงาม โคกินหญ้าไซร้ โรคโคก็หาย

ร่างกายควรการ คล้ายกับโคหนุ่ม เรี่ยวแรงอาจหาญ
หญิงนั้นเห็นพยาน กินยาร่ำไป ทุกวันจนหมด
ที่เหี่ยวแห้งสลด กลับฟูผ่องใส วรรณะคล้ายหญิง
แรกรุ่นเจริญวัย

ฝ่ายบุตรเที่ยวไป นานแล้วกลับมา มารดาแปลกบุตร
บุตรแปลกมารดา ต่อพูดเจรจา นานจึงรู้กัน
เมื่อบุตรกลับมา อายุคณนา หมื่นแปดพันวัน
มารดาว่าสัก สองหมื่นหกพัน เล่าว่าบุตรนั้น
แก่กว่ามารดา
บุตรแปลกใจถาม เรื่องความมารดา โถยาของข้า
ไปไหนใครกิน มารดาเล่าว่า แม่พบโถยา
เปิดขึ้นหยิบกิน บ้วนน้ำลงไป ถูกในแผ่นดิน หญ้างามโคกิน
หายโรคอ้วนพี แม่เห็นอัศจรรย์ จึงได้สำคัญ
ว่ายานี้ดี กินไปจนหมด กายสดเปร่งศรี
ก่อนซูบกลับพี อาหารเพิ่มพูน

ครั้นกาลล่วงมา บุตรนั้นชรา สิ้นชีพดับสูญ
มารดาอยู่มาก กว่าบุตรเจ็ดคูณ กำหนดด้วยสูญ
หลายจุดหลายเรียง เขาเล่าสืบมา ไม่เห็นด้วยตา
ต้องว่าซ่อนเสียง พูดไม่เต็มปาก ยากจักเรียบเรียง
ผู้อ่านจักเถียง กล่าวโทษโจทก์ทาย ฯ
::
::

นิทานหนึ่งนั้น เขาพูดเล่ากัน ณ ราชวังใน
แสดงคุณยา นำมาแถลงไข ว่าผู้หนึ่งได้

เป็นเช่นนี้มา มิได้เจ็บไข้ อยู่กับภรรยา
อาการกริยา กลายเป็นพระไป อยู่กับเมียนั้น
เหมือนพี่น้องกัน ดังนี้เป็นได้ หลายปีเดือนนาน
รำคาญเหลือใจ ตรอมจิตคิดไป เคืองคับอุรา
นึกจักไปบวช เสียดายภรรยา หวนไปหวนมา
โกรธแค้นร่างกาย ไม่ได้ดังจิต จำนงนึกหมาย
กำลังเสื่อมคลาย เดือดร้อนเสียใจ วันหนึ่งเพื่อนเกลอ
มาเยี่ยมแต่ไกล พูดจาปราศัย ถามถึงร่างกาย
ว่าเกลอเป็นไร ดูไม่สบาย เจ้าขุนมูลนาย
เบียดเบียนบีฑา
หรือเจ็บป่วยไข้ ร่างกายกายา คล้ำดำผิดตา
สุขทุกข์อย่างไร
ชายนั้นจึงเล่า ว่าตัวข้าพเจ้า ไม่เจ็บอันใด
แต่กายพิการ รำคาญเหลือใจ เรี่ยวแรงหมดไป

ทนทุกข์ทรมาน แรงกายหายหมด แต่จิตอาจหาญ
ดังนี้มานาน เดือดร้อนเหลือทน อยู่บ้านเหมือนวัด
สารพัดขัดสน
แม้นเมียของตน เหมือนพี่น้องไป
อะไรบันดาล รำคาญโตใหญ่ ขอเกลอจงได้
รู้แจ้งเรื่องความ ฯ

ฝ่ายเกลอได้ฟัง อาศัยกำลัง กรุณาไปตาม
บอกยาแล้วว่า เจ้าอย่าเข็ดขาม กินสองสามชาม
จักหายโรคภัย
กำลังกายา จักมาโตใหญ่ ต้มกินให้ได้
เปลือกพญาช้างดำ กำหนดจดไว้ จงได้หาทำ
ยานี้ดีล้ำ เขาเรียก ตะโกนา ฯ

ขนานหนึ่งนั้น พระยาฉัตรทันต์ ช้างป่าช้างบ้าน
สองสิ่งเปลือกสับ น้ำผึ้ง นำมา แช่ไว้ไม่ช้า
ออกแล้วกินไป ยานี้ดีขลัง กำลังมากใหญ่
ทำกินให้ได้ จักหายโรคา ฯ

ครั้นเกลอไปแล้ว ชายนั้นแสวงหา ได้เปลือก ตะโกนา
ต้มกินรินไป หายโรคกำลัง มากมายเจริญใหญ่
ยิ่งกว่าเก่าไป เป็นสุขสำราญ ฯ
( ได้ไปแล้วอย่าหักโหมมากเน่อ )

วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

โครงการเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่

โครงการ“เสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่”
(New Entrepreneurs Creation -NEC)
ประจำปีงบประมาณ 2552
สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยบูรพา
ร่วมกับ
ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรม ภาคที่ 9
และกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
ได้จัดโครงการฝึกอบรม “เสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่” ประจำปีงบประมาณ 2552 ขึ้น
รับสมัครตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายฝึกอบรม สำนักบริการวิชาการ ม.บูรพา
โทรศัพท์ 0-3810-2290 0-3810-2291, 03810-2293 กด 101 - 104, 106
ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ระหว่างเวลา 08.30 - 17.00 น.
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่
ข่าวประชาสัมพันธ์
ฟรี - อบรมการเรียนแพทย์แผนไทย ( 6 )
ชมรมแพทย์แผนไทยศูนย์โรงพยาบาลนครปฐม
จัดฝึกอบรมความรู้เรื่องแพทย์แผนไทย และการแปรรูปสมุนไพร
( ครีมบำรุงผิวสมุนไพร )
วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม 2551 เวลา 8.30 น.15.00. น.
1. ความรู้เรื่องสมุนไพรนานาชนิด
2. ความรู้เรื่องเภสัชกรรมแผนไทย
3. ครีมบำรุงผิวสมุนไพร
สนใจติดต่อที่ คุณ หมอ - นพพร : 087-413-6372
อาจารย์ - ไพบูลย์ : 081-198-7689

วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2551

งานเลี้ยงสังสรรค์ ครั้งที่ 3

เพื่อนๆชาว NEC หลังจากเมื่องานเลี้ยงครั้งที่ 2 แล้วปรากฏว่าเรายังไม่ได้มีการนัดหมายถึงงานเลี้ยงสังสรรค์ของกลุ่มเราเลย ผมได้ปรึกษาเพื่อนๆบางคนถึงงานเลี้ยงครั้งที่ 3 ว่าจะทำอย่างไรดีจึงมีผู้เสนอว่าให้กำหนดวันเวลาและสถานที่เลย ผมและเพื่อนได้ข้อสรุปว่างานเลี้ยงครั้งที่ 3 นี้ให้นัดในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2551 เวลา 17.30 น. สถานที่ ร้านอาหาร ครัวชนบท ถนน บายพาสหนองมน คือที่เดิมที่เราเคยไปกันครับ ห้องจองในนามของกลุ่ม NEC รุ่น 11 ครับช่วยประชาสัมพันธ์ถึงเพื่อนๆที่ไม่ค่อยจะได้เปิดดูเวบด้วยนะครับ (บอกต่อกันด้วยนะครับ) และขอเชิญชวนเพื่อนๆที่ยังไม่ได้ส่งรายชื่อเข้ามาให้รีบแจ้งด้วย 1. ไพบูลย์ 2. อนุชัย 3. สันติ 4. สุรศักดิ์ 5. พนิดา 6. ธนัชญา 7. วิกานดา 8. ประเสริฐ 9. จักรกริช 10. สมบูรณ์ 11. วริยา 12. โสภณ 13. 14. 15. 16. 17. 18. ขอให้แจ้งรายชื่อกันมาด้วยนะครับ แล้วเจอกันที่งานเลี้ยงครับ
[ Click Me ]
[ Click Me ]

วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ตีนกับตา

ในสถานการณ์ปัจจุบันี้สังคมกำลังสับสนและส่งผลกระทบ
ต่อผู้ประกอบการใหม่ทุกคน
เพื่อเป็นการคลายเครียตและพักผ่อนอารมภ์ที่หงุดหงิดกันทั่วหน้า
ตีนกับตา
ตีนกับตา .....................อยู่กันมา ......................แสนผาสุข
จะนั่งลุก ......................ยื่นเดิน ..................... ...เพลินหนักหนา
มาวันหนึ่ง .................. ตีนทะลึ่ง ......................เอ่ยปรัชญา
ว่าตีนมี .......................คุณกับตา ......................เสียจริงจริง
ตีนช่วยพา ..................ตาไป ...........................ที่ต่างต่าง
ตาจึงได้ .....................ชมนาง ........................และสรรพสิ่ง
เพราะฉะนั้น ................ดวงตา ........................จงประวิง
ว่าตีนนี้ .......................เป็นสิ่ง .........................ควรบูชา
ตาได้ฟัง .....................ตีนคุยโม้ .....................ให้หมั่นใส้
จึงร้องบอก ................ออกไป .........................ด้วยโทสา
ว่าที่ตีน ......................เดินเหินได้ ....................ก็เพราะตา
ดูบรรดา .....................เศษแก้วหนา ................ไม่ตำตีน
เพราะฉะนั้น ...............ตาจึง .............................สำคัญกว่า
ตีนไม่ควร ..................จะมา .............................คิดดูหมิ่น
สรุปแล้ว .....................ตามีค่า .........................มากกว่าตีน
ทั่วธานินท์ .................ตีนไปได้ ........................ก็เพราะตา
ตีนได้ฟัง ....................ให้คั่งแค้น ......................แสนจะโกรธ
จึงวิ่งโลด ...................กระโดดไป .....................ใกล้หน้าผา
เพราะอวดดี ................คุยเบ่ง ..........................เก่งกว่าตา
ดวงชีวา ......................จะดับไป .......................ไม่รู้เลย
ตาเห็นตีน ...................ทำเก่ง ..........................เร่งกระโดด
ก็พิโรธ .......................แกล้งระงับ .....................หลับตาเฉย
ตีนพาตา ....................ถลาล้ม .........................ทั้งก้มเงย
ตกเหวเลย ..................ตายห่า ..........................ทั้งตาตีน

ความก้าวหน้า NEC

ถ้าเปรียบ NEC ก็เหมือนกับดอกไม้ที่แรกแย้ม
แต่เป็นดอกไม้แห่ง>
" อนาตคที่ทุกคนต้องมอง"


สวัสดีครับท่านสมาชิกและเพื่อนๆNEC ช่วงนี้ผมมีงานมากหน่อยและประกอบกับคอมมันแฮ้งค์มาหลายวันเข้าบางโปรแกรมที่จัดทำข้อมูลไม่ได้เลยแห้วมาหลายวันแล้ว และ ไม่ได้อัพเดทข้อความจากเพื่อนๆเลยคงคิดถึงกันแย่เลย ช่วงที่ผ่านมามีข่าวคราวของการจัดอบรมหลายอย่าง มีทั้งโปรแกรมที่ดีและมีประโยชน์มากสำหรับพวกเรา และก็ได้มีสมาชิกไปอบรมกันอยู่หลายคน ในส่วนเรื่องของความก้าวหน้าของการดำเนินการจัดตั้งคณะทำงานผู้ประสานงานเครื่อข่ายภาคตะวันออกมีความคืบหน้าไปมากเลยครับ ผมเองได้เป็นตัวแทนของคณะทำงานจึงได้เห็นการดำเนินการที่พัฒนาไปมากครับ เช่นล่าสุดมีการประชุมตัวแทนและคณะทำงาน NEC ในเขตจังหวัด ชลบุรี เพื่อเป็นแนวทางในการเริ่มรวบรวมชาวNEC ที่อยู่ในจังหวัดชลบุรีที่สามารถติดต่อหรือติดตามได้ให้ได้มารับทราบ ว่าขณะนี้ได้เกิดเครื่อข่ายคณะทำงานฯและเพื่อเป็นการสำรวจว่ามี NEC ที่อยู่ในเขตจังหวัด ชลบุรีมีมากน้อยและเหลืออยู่เท่าไรเพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการพบปะและจะได้เชิญมาร่วมงานที่จะจัดให้มีการพบปะสังสรรค์ต่อไป ดดยผมเองซึ่งเป็นหนึ่งในคณะทำงานได้รับทราบถึงแนวทางของคณะทำงานว่าจะเริ่มรวบรวม NEC ทั่วภาคตะวันออกตามเจตนารมภ์ของ ภาค 9

และก็เช่นเคยครับต้องขอฝากสาระดีๆมาให้อ่านสนุกๆจากเพื่อนพัทยาครับ


นู๋เอ๋^^^ยัยตัวแสบ^_^ กล่าวว่า...

วันนี้เปนวันจันทร์ที่ 6/10/08
หวัดดีทุ๊กกกกคนค๊า

เงียบหายกันไปเยยย

ไม่ส่งข่าวคราวกันบ้างเยย

ไม่รู้ว่าทุกคนสบายดีกันบ้างหรือป่าว

เราอยู่พัทยาสบายดีนะ เรื่อยๆมาเรียงๆนกบินเชียงไปทั้งหมู่

แนะร้องเพลงอีกแหนะ วันนี้มีเรื่องขำๆมาฝากให้หายเครียดกันพอเปนน้ำจิ้มนะค๊า

เรื่องมีอยู่ว่า......ชายวัย 80 คนหนึ่งมาหาหมอเพื่อตรวจร่างกายประจำปี


“เป็นไงครับ สบายดีมั้ย” หมอถาม


“ฟิตปั๋งเลยแหละครับ” ชายแก่คุย“

ผมเพิ่งแต่งงานใหม่กับเจ้าสาวเอ๊าะๆ อายุแค่ 18 แถมตอนนี้เธอก็ตั้งท้องลูกของผมแล้วด้วย” ชายแก่อวดอย่างภูมิใจหมออึ้งไปพักใหญ่แล้วพูด


“ผมมีเรื่องๆ นึงจะเล่าให้ฟัง

ผมรู้จักผู้ชายคนนึง

เขาชอบเข้าป่าล่าสัตว์มาก อยู่มาวันนึง เขารีบไปหน่อยแทนที่จะหยิบปืนดันคว้าผิดเอาร่มไปแทน พอเข้าไปในป่า อยู่ๆ มีหมีตัวนึงโผล่ออกมาตรงหน้าเขาเขาตกใจหยิบร่มขึ้นมาแล้วกดไกทีนี้ลองทายดูซิว่าเกิดอะไรขึ้น” หมอถาม“

ไม่รู้สิ” ชายแก่เดาไม่ถูก

หมอตอบ “หมีโดนกระสุนล้มลงตาย!

”“เป็นไปได้ไง!!” ชายแก่ไม่เห็นด้วย

“คนอื่นยิงล่ะม้าง

”“ผมก็ว่างั้นแหละ ! ! !

“ หมอตอบ5555555555555555555555555555555++++

คิดเอาเองละกัน ตอบถูกเอาไปเลยย100คะแนน555+
วันจันทร์, 06 ตุลาคม, 2008

วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2551

บทความดีๆจากเพื่อน NEC

หน้าฝนนี้คงต้องบอกว่าให้ดูแลสุขภาพกันทุกคนด้วย นะครับ ช่วงนี้ธุรกิจก็ไม่ค่อยดีแถมยังต้องมาเจ็บป่วยกันอีก ถ้าเรามีการดูแลสุขภาพเบื้องต้นนับว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดและ แต่ถ้าเราต้องปล่อยให้ร่างกายต้องเจ็บป่วยแล้วบางครั้งอาจจะรักษาไม่ทันก็เป็นได้ วันนี้เป็นวันเริ่มเทศการกินเจ ก็เป็นประเพณีที่ดีอย่างหนึ่ง ปีหนึ่งปีหนึ่งเราได้รับประทานอาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์กันมามาก เมื่อมีโอกาสก็ขอให้เราได้ร่วมกันกินเจเพื่อเป็นการละเว้นทานเนื้อสัตว์สักระยะหนึ่ง และเป็นการทานอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีมีประโยชน์ครับ นอกจากการได้รับประทานอาหารที่ไม่มีส่วนผสมจากเนื้อสัตว์แล้ว การได้ออกกำลังกายและการได้ไปพักผ่อนที่ดีก็เป็นวิธีหนึ่งซึ่งจะเป็นแนวทางการดูแลสุขภาพเบื้องต้น โปรแกรมการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพจึงเป็นหนทางหนึ่งของการได้มีสุขภาพที่ดีครับ


สนใจโปรแกรมเพื่อสุขภาพเข้าชมรายละเอียดได้ที่ http://www.herbalspice.blogspot.com/



ธนัช เด็กหนองมน-ไม่ทอดทิ้งกัน กล่าวว่า...


หวัดดีคับผมธนัช เด็ก หนองมนเสียดายที่ไม่ได้ไปงาน ช่วงนี้งานยุ่งมากเลย ต้องขอโทษพี่ไพบูลย์และพรรคพวกด้วย วันนี้ผมขอเสนอวิธีการประหยัดพลังงานของการใช้แอร์ ดังนี้ครับ11 วิธีประหยัดค่าแอร์11 วิธีประหยัดค่าแอร์โดยไม่ต้องลงทุน11 วิธีต่อไปนี้ จะช่วยเราประหยัดพลังงานและพลังเงินของเราโดยไม่ต้องลงทุน หลายวิธีที่จะกล่าวถึงนี้ อาจเป็นวิธีง่ายๆ ที่เราคิดไม่ถึงหรือเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ถ้าเราพร้อมใจกันปฏิบัติอย่างถูกต้อง จะช่วยประหยัดพลังงานและค่าไฟได้อย่างไม่น่าเชื่อ1. ปิดพัดลมระบายอากาศเมื่อไม่จำเป็นในห้องปรับอากาศมักติดตั้งพัดลมระบายอากาศไว้สำหรับระบายอากาศออกจากห้องปรับอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้องที่มีกลิ่นหรือควันจากการสูบบุหรี่ เมื่อมีการระบายอากาศออกจากห้อง ก็จะมีอากาศในปริมาณเท่ากันไหลเข้ามาในห้อง เพื่อทดแทนอากาศส่วนที่ถูกระบายทิ้งออกไป อากาศจากภายนอกที่ไหลเข้ามาแทนที่นี้ ทำให้เครื่องปรับอากาศต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อทำให้อากาศร้อนจากภายนอกที่เข้ามาเย็นลงจนเท่ากับอากาศภายในห้องพัดลมระบายอากาศนี้มีความจำเป็น หากเป็นห้องที่มีคนใช้งานมาก หรือมีกลิ่นจากเอกสาร, อาหาร หรือควันบุหรี่ แต่หากเป็นห้องที่มีคนใช้งานไม่มาก และไม่มีกลิ่นรบกวน ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดพัดลมระบายอากาศ ทั้งนี้เนื่องจาก โดยธรรมชาติจะมีอากาศรั่วซึมผ่านทางกรอบประตูหน้าต่างอยู่ในปริมาณหนึ่งอยู่แล้ว ซึ่งเพียงพอสำหรับใช้ในการหายใจนอกจากนี้ หากเป็นห้องประชุม ในขณะที่เปิดเครื่องปรับอากาศ เพื่อให้อากาศเย็นก่อนจะมีคนเข้าใช้ห้อง ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดพัดลมระบายอากาศ ให้รอจนมีคนเข้าใช้ห้องประชุมเป็นจำนวนมากก่อน จึงเปิดพัดลมระบายอากาศก็ได้2. ตั้งปิดจอคอมพิวเตอร์ เมื่อไม่ใช้งานในสำนักงานสมัยใหม่ มีการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์กันมากขึ้น ความร้อนจากเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นภาระมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับเครื่องปรับอากาศ เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหนึ่งเครื่อง จะปล่อยความร้อนออกมาโดยประมาณ 250 วัตต์ โดยส่วนใหญ่จะเป็นความร้อนจากจอมอนิเตอร์ประมาณ 180-200 วัตต์โดยปกติแล้ว เครื่องคอมพิวเตอร์จะไม่ได้ถูกใช้งานตลอดเวลา ดังนั้นผู้ผลิตโปรแกรม จึงมีส่วนที่ให้ผู้ใช้สามารถตั้งโปรแกรมให้จอมอนิเตอร์ปิดโดยอัตโนมัติ เมื่อไม่ได้สัมผัสคีย์บอร์ด หรือเมาส์ในระยะเวลาหนึ่งสำหรับผู้ใช้ Window 98 การตั้งเวลาสามารถทำได้ ดังนี้1. เลือก My computer2. เลือก Control Panel3. เลือก Power Management4. ตั้งค่า Power schemes เป็น Home/Office Desk3.ตั้งอุณหภูมิ 28C แล้วเปิดพัดลมเสริมความเย็นสบาย หรือความสบายเชิงความร้อน (Thermal Comfort) เกิดขึ้นได้จากการมีปัจจัยหลัก 3 ประการที่สมดุลกัน คือ1. อุณหภูมิ2. ความชื้นสัมพัทธ์3. ความเร็วลมหากต้องการระดับความสบายเท่าเดิม เมื่อปัจจัยหนึ่งเปลี่ยนก็สามารถเปลี่ยนปัจจัยอื่นเป็นการทดแทนได้การตั้งอุณหภูมิในห้องสูงขึ้น จะประหยัดพลังงานได้ โดยปกติแล้วก็จะตั้งได้สูงสุดประมาณ 25-26 C มิฉะนั้นจะร้อนเกินไปแต่ถ้าเราเปิดพัดลมช่วยเพิ่มความเร็วลมในห้อง เราจะสามารถตั้งอุณหภูมิได้สูงถึง 28-30 C โดยยังเย็นสบายเหมือนเดิม (มีระดับความสบายเชิงความร้อนเท่ากัน) โดยจะช่วยประหยัดพลังงานได้มาก4. นำตู้มาตั้งชิดผนังด้านตะวันออกหรือตะวันตกผนังด้านที่มีความร้อนเข้ามามากทีสุดคือ ด้านตะวันออก และตะวันตก นอกจากความร้อนที่ผ่านผนังเข้ามาแล้ว เวลาที่แสงอาทิตย์ส่องถูกผนัง จะทำให้ผนังมีอุณหภูมิร้อนขึ้นมาก และจะแผ่รังสีความร้อนมาสู่ตัวคน ซึ่งจะทำให้คนรู้สึกร้อนขึ้น แม้อุณหภูมิในห้องจะเท่าเดิม ในห้องที่มีสภาพนี้จะต้องตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ประมาณ 21-22 C จึงจะรู้สึกเย็นสบาย แต่เป็นการสิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้นการนำตู้ไปตั้งชิดผนัง จะช่วยป้องกันการแผ่รังสีความร้อนจากผนังได้ ดังนั้นจึงไม่ต้องตั้งอุณหภูมิต่ำกว่าปกติ ในห้องที่ผนังห้องไม่ร้อน การตั้งอุณหภูมิที่ 25 C ก็จะเย็นสบายเพียงพอนอกจากป้องกันการแผ่รังสีความร้อนจากผนังแล้ว การมีตู้ตั้งชิดผนัง ยังเสมือนว่ามีผนังหนาขึ้น จึงเป็นการช่วยลดความร้อนที่ผ่านผนังเข้ามาได้ด้วยอย่างไรก็ตาม การนำตู้ไปตั้งติดผนังห้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผนังด้านนั้นมีกระจกด้วย จะทำให้อุณหภูมิภายในตู้สูงกว่าอุณหภูมิห้อง ดังนั้น จึงควรระมัดระวังกรณีที่สิ่งของภายในตู้ไม่สามารถทนความร้อนได้5. ปิดแอร์เมื่อไม่ใช้ และอย่าเปิดประตูหน้าต่างทิ้งไว้ในขณะปิดแอร์ระบบปรับอากาศ (แบบน้ำเย็น) ใช้พลังงานประมาณ 1 หน่วยต่อตันต่อชั่วโมง ตัวอย่างเช่นเครื่องปรับอากาศขนาด 5 ตัน เปิดใช้งาน 4 ชั่วโมง จะใช้พลังงานไฟฟ้าประมาณ 1 x 5 x 4 = 20 หน่วย คิดเป็นเงินประมาณ 20 x 3 = 60 บาท (ค่าไฟเฉลี่ยประมาณ 3 บาทต่อหน่วย) ในอาคารทั่วไปๆ ค่าไฟฟ้าที่จ่ายไปกว่าครึ่งหนึ่งเป็นค่าไฟของระบบปรับอากาศการปิดเครื่องปรับอากาศเมื่อไม่ใช้ห้องปรับอากาศจะสามารถช่วยประหยัดพลังงานได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆแต่ในขณะที่ปิดเครื่องปรับอากาศนั้น จะต้องไม่เปิดประตูหรือหน้าต่างทิ้งไว้ มิฉะนั้นความร้อนและความชื้นจากภายนอกจะเข้าไปในห้องปรับอากาศและจะสะสมอยู่ที่ พื้น, ผนัง, เฟอร์นิเจอร์, พรม, กระดาษ, ผ้าม่าน ฯลฯ เมื่อเปิดเครื่องปรับอากาศครั้งต่อไปเครื่องปรับอากาศก็จะต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อดึงเอาความร้อนและความชื้นนี้ออกไป ซึ่งจะเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานมากกว่าการเปิดเครื่องปรับอากาศอย่างต่อเนื่องเสียอีก6. ย้ายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นออกนอกห้องปรับอากาศอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิดจะปล่อยความร้อนออกมา เท่ากับพลังงานไฟฟ้าที่อุปกรณ์นั้นใช้ ดังนั้น ภาระส่วนหนึ่งที่สำคัญของเครื่องปรับอากาศจึงเกิดจากอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ภายในห้องปรับอากาศ หากเราสามารถลดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในห้องปรับอากาศโดยการย้ายออกไปตั้งไว้นอกห้องปรับอากาศได้ก็จะเป็นการช่วยประหยัดพลังงานได้ตัวอย่างอุปกรณ์ที่มักมีอยู่ในห้องปรับอากาศแต่สามารถย้ายออกไปได้ เช่น 1. ตู้เย็น2. ตู้ทำน้ำเย็น3. เครื่องถ่ายเอกสาร4. หม้อต้มน้ำร้อน หรือเครื่องชงกาแฟ5. ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ6. หม้อหุ้งข้าวไฟฟ้า7. ฯลฯ7. ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าและไฟแสงสว่างที่ไม่จำเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าและหลอดไฟฟ้าแสงสว่าง จะปล่อยความร้อนเข้าสู่ห้องปรับอากาศ เท่ากับพลังงานที่อุปกรณ์ไฟฟ้าและหลอดไฟใช้ และความร้อนนั้นก็จะกลายเป็นภาระของเครื่องปรับอากาศ และต้องเสียพลังงานในการนำความร้อนนี้ทิ้งออกไปข้างนอกอีกจะเห็นได้ว่า การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าหรือไฟฟ้าแสงสว่าง ในห้องปรับอากาศจะเป็นการเสียค่าไฟสองต่อ คือ - เสียค่าไฟที่อุปกรณ์หรือหลอดไฟใช้- เสียค่าไฟที่เครื่องปรับอากาศเพื่อนำความร้อนออกไปทิ้งนอกห้องดังนั้น การปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าและไฟแสงสว่างที่ไม่จำเป็นในห้องปรับอากาศจึงเป็นการประหยัดสองต่อ คือ ประหยัดที่ตัวอุปกรณ์และประหยัดที่เครื่องปรับอากาศ8. งดสูบบุหรี่ในห้องปรับอากาศเมื่อมีการสูบบุหรี่ในห้องปรับอากาศก็จะต้องเปิดพัดลมระบายอากาศ เพื่อระบายควันและกลิ่นออกจากห้อง การระบายอากาศส่วนหนึ่งออกจากห้อง ก็จะทำให้มีอากาศจากภายนอกใหลเข้ามาในห้องทดแทนซึ่งจะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักขึ้นหากงดสูบบุหรี่ในห้องปรับอากาศก็ไม่จำเป็นต้องเปิดพัดลมระบายอากาศหรือเปิดเพียงช่วงสั้นๆ ก็เพียงพอซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานได้นอกจากนี้ การงดสูบบุหรี่ในห้องปรับอากาศ ยังลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ จึงทำให้มีฝุ่นละอองไปจับที่คอยล์น้อยเครื่องปรับอากาศ จึงมีประสิทธิภาพสูงอยู่เสมอ และช่วยยืดระยะเวลาการบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศไปได้9. สวมเสื้อผ้าบางๆการสวมเสื้อผ้าบางๆ จะช่วยให้ร่างกายระบายความร้อนได้ดีขึ้น จึงสามารถตั้งอุณหภูมิให้สูงขึ้นได้ทำให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น ดั้งนั้น จึงควรรณรงค์ให้ผู้ที่ทำงานในห้องปรับอากาศหันมาใส่เสื่อผ้าบางๆ ไม่ควรใส่สูท เพื่อที่จะตั้งอุณหภูมิให้สูงขึ้นได้10. ปิดประตูหน้าต่างให้สนิทหากปิดประตูหรือหน้าต่างไม่สนิท จะทำให้มีอากาศร้อนชื้นจากภายนอกรั่วใหลเข้าไปในห้องได้ซึ่งจะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักขึ้น และสิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้นมาตรการนี้ดูจะเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ไม่น่าจะต้องกล่าวถึงอีกแต่กลับเป็นปัญหาที่พบบ่อย และละเลยกันมากที่สุดนอกจากการปิดประตูหน้าต่างไม่สนิทรอยรั่วรอบๆ กรอบประตูและหน้าต่างก็เป็นปัญหาที่พบบ่อยๆ หากพบว่ามีรอยแยกและมีลมรั่วจากภายนอกเข้ามา ก็ควรดำเนินการแก้ไข เพื่อช่วยกันประหยัดพลังงาน11. ปิดผ้าม่านการปิดผ้าม่าน จะช่วยลดการแผ่รังสีความร้อนจากภายนอกเข้ามาสู่ตัวคนโดยตรงได้ และยังช่วยลดการแผ่รังสีความร้อนจากผิวกระจกมาสู่ตัวคนด้วย ซึ่งทำให้ไม่ต้องตั้งอุณหภูมิต่ำกว่าปกติเพื่อชดเชยการแผ่รังสีความร้อนจึงช่วยประหยัดพลังงานได้นอกจากลดการแผ่รังสีความร้อนมาสู่ตัวคนแล้ว ผ้าม่านยังช่วยสะท้อนความร้อนกลับออกไปภายนอกได้ด้วย (ถึงแม้ว่าจะไม่มากนัก) จึงเป็นการช่วยประหยัดพลังงานได้อีกทางหนึ่งการที่ทราบว่าการออกกำลังการเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพแต่ไม่ปฏิบัตินั้นย่อมไม่ทำให้เกิดสุขภาพดีได้ ฉันใดก็ฉันนั้น การที่ทราบวิธีการประหยัดพลังงานแต่ไม่ปฏิบัติก็ย่อมไม่สามารถช่วยอนุรักษ์พลังงานได้ 11 วิธีประหยัดค่าแอร์โดยไม่ต้องลงทุนนี้ มีประโยชน์อย่างแน่นอน สามารถช่วยอนุรักษ์พลังงานได้ ช่วยให้คนรุ่นต่อไปมีพลังงานเหลือใช้นานขึ้น ช่วยลดการสูญเสียเงินตราต่างประเทศ ช่วยลดมลพิษและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการผลิตไฟฟ้า ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมที่ดีไว้ให้ลูกหลานของเรา


วันศุกร์, 26 กันยายน, 2008

วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2551

งานสัมมนา " การพัฒนาธุรกิจในมิติทางการตลาดและการสื่อสารการตลาดครบเครื่อง "

งานอบรมสัมมนาเพิ่มความรู้ให้กับเครื่อข่าย NEC ภาคตะวันออก จัดโดย ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที 9 กระทรวงอุตสาหกรรม โดยมีการอบรมให้ความรู้ด้านการสื่อสารเป็นการเพิ่มทักษะของการจัดการขบวนการ การทำตลาดที่ครบวงจร ผู้เข้ารับการอบรมได้ความรู้และแลกเปลี่ยนประสพการณ์ ขอฝากภาพแทนคำบรรยาย เพราะว่าผู้เข้ารับการอบรมได้ความรู้และสนุกสนานกับท่านอาจารย์ วิทยากรทั้งสองท่าน

วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551

สานสัมพันธ์ - งานเลี้ยง NEC รุ่น 11 ครั้งที่ 2

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา..... !!

แต่ความรุ่งเรื่องจะกลับมาสู่พวกเราชาว NEC.....

ครับกับสำนวนกำลังภายในที่คุ้นเคยต้องขอนำมากล่าวเพิ่อเป็นคำนิยมในงานเลี้ยงสังสรรค์ของพวกเราชาว NEC รุ่น 11 งานนี้เป็นการสานสัมพันธ์ของกลุ่มที่เป็นชาว NEC ในภาคตะวันออกก็ได้นะครับ ผมเองกับท่านประธาน NEC รุ่นที่ 2 ของ ม. บูรพา คือคุณอนันต์ ได้เคยคุยกันว่าเราน่าจะมีการรวมกลุ่มของชาว NEC ในภาคตะวันออกด้วยกันโดยเฉพาะ NEC ที่มาจาก ม. บูรพาด้วยกันแล้วเราน่าจะเริ่มมีการสานสัมพันธ์โดยมีการรวมกลุ่มนัดทั้งสามรุ่นของปี พ.ศ. 2551 มาให้ได้รู้จักกัน และทำให้ในอนาคตจะเป็นกลุ่ม NEC กลุ่มแรกที่มีการรวมตัวกันและมีสมาชิกที่มีจำนวนมากและหลากหลายในอาชีพและธุรกิจ ที่อาจจะเอื้อต่อกันได้ โดยที่ทุกคนจะได้มีการติดต่อกันง่ายขึ้น ด้วยเจตนารมภ์ที่ดีและมีประโยชน์ตรงกันผมจึงได้เชิญคุณ อนันต์มาเป็นแขกให้กลับกลุ่มของเราและยังมีเพื่อนๆที่เป็นชาว NEC ด้วยกัน 2 ท่านมาเป็นแขกด้วยครับ คุณ สหนันท์ และคุณ วิชานนท์ จาก NEC ม.เกษตรบางพระ ต้องขอขอบคุณทั้งสามท่านจริงๆที่มาในวันนั้นครับ


ในส่วนพวกเราเอง NEC รุ่น 11 อีกหลายคนที่ไม่ได้มาในงานเลี้ยงวันนั้นผมเองก็คงจะหวังที่จะได้เจอพวกเราอีกในครั้งต่อๆไป ขอให้คิดถึงเพื่อนและขอให้ได้มาพบปะเจาะเจอกันให้พร้อมหน้ากันมากกว่านี้เพราะว่าเรายังเป็นเพื่อนและเป็นพี่น้องที่มีความคิดที่ตรงกันและพร้อมที่จะเดินไปด้วยกัน จะได้เป็นต้นแบบที่ดีให้กับกลุ่มอื่นๆที่ดูเราอยู่ต่อไป บรรยากาศภายในงานคงต้องฝากรูปแทนคำพูดว่าสนุกมากครับ แล้วพบกันใหม่ในงานเลี้ยงครั้งที่ 3 ครับ....

และก็ยังเหมือนเดิมครับฝากถึงพื่อนๆที่ยังไม่ค่อยจะได้เข้ามาดูและใช้เว็บไซต์ของพวกเราเป็นสื่อกลางสำหรับการได้เป็นศูนย์กลางเพื่อการพบปะและฝากความคิดถึงและความคิดเห็นมาถึงเพื่อนๆ

ป๋าเสริฐบอกว่างานเที่ยวนี้ได้ร้องเพลงคุ้มหน่อยเมื่อ 2 งานที่แล้วร้องไม่ทัน 55555



^^^นู๋เอ๋^^^มาแยววว ได้ฝากความคิดเห็นไว้

หวัดดีทุ๊กกกคนดีใจที่ได้เจอ NEC วันเสาร์ที่ผ่านมา และก็เสียใจเล็กน้อยที่ไปกันน้อยมาก นานๆเจอกันทีก็สนุกสนาน อย่างว่าต่างคนต่างมีภาระกิจด้วยกันทั้งนั้น บ้างก็ไม่สดวกมา บ้างก็ติดงาน,บ้างก็เดี๋ยวภรรยาบ่น,บ้างก็เดี๋ยวสามีด่า เกรงใจกันไปใครสดวกก็มาดีฝ่า สำหรับวันนี้เอาเรื่องสนุก สนุก คลายเครียดไปอ่านกัน


1 เรื่องผู้หญิงสามคนนั่งบนม้านั่ง กำลังกินไอติมดุ้นยาวอยู่
ผู้หญิงคนแรกเลียแท่งไอติม
ผู้หญิงคนที่สองกัดแท่งไอติม
ส่วนผู้หญิงคนที่สามดูดแท่งไอติม
ผมถามครูว่า ผู้หญิงคนไหนแต่งงานแล้ว"
ครูสาวมองหน้าเด็กชายต้น ถึงทำหน้าไม่ถูก
แต่หน้าครูสาวก็แดงระเรื่อขึ้น แล้วอึ้งไป
" ครู ครู ผมถามอีกทีก็ได้นะ
มีผู้หญิงสามคนนั่งบนม้านั่ง กำลังกินไอติมดุ้นยาวอยู่
ผู้หญิงคนแรกเลียแท่งไอติม
ผู้หญิงคนที่สองกัดแท่งไอติม
ส่วนคนที่สามดูดแท่งไอติม
ผมถามครูว่า ผู้หญิงคนไหนแต่งงานแล้ว"
" เอาอย่างนี้แล้วกันนะเธอ " ครูเริ่มกระซิบที่ข้างหูเด็กชายต้น
" ครูว่าผู้หญิงคนที่ดูดไอติมแท่งน่ะ เป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว "
" ไม่ใช่ครับครู คนที่แต่งงานแล้ว
คือคนที่มีแหวนแต่งงานสวมอยู่ที่นิ้วมือไงครับ"
เด็กชายต้นอมยิ้ม พร้อมกับพูดตบท้าย
" ถึงครูจะตอบไม่ถูก แต่ผมก็ชอบวิธีคิดของครูนะ "



เอาหละขำขำกันพอหอมปากหอมคอนะคะพี่น้อง สุดท้ายขอให้สมาชิกทุ๊กกกคนมีความสุขนะค่ะ

เขียนโดย ^^^นู๋เอ๋^^^มาแยววว ถึง กลุ่ม NEC ม. บูรพา รุ่น 11/2551 เวลา วันจันทร์, 15 กันยายน, 2008

BAMEE HITECH กล่าวว่า...


ขอบคุณมากค่ะ

พี่ไพบูลย์ที่เชิญไปเป็นแขกในงานเลี้ยงของรุ่น 11 ม.บูรพา รู้สึกดีใจอย่างยิ่งที่ได้รู้จักเพื่อนๆ ชาว NEC ทำให้เราได้มีเครือข่ายที่กว้างขึ้น และเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันในอนาคตต่อไป

ขอบคุณจริงๆค่ะ

น้องแบตมินตั้น

วันศุกร์, 19 กันยายน, 2008

วันเสาร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2551

บทกลอนและสาระดีๆ - อามิดตาพุด

เมื่อคอรั่มที่แล้วได้ดูรูปน่ารักๆแก้เซ็งกับบรรยากาศที่เปลื่ยนแปลงบ่อยๆ ในครั้งนี้ก็ขอฝากสาระบทความและบทกลอนมาให้ได้อ่านกันทุกคนครับ ...ฝากประชาสัมพันธ์ถึงเพื่อนๆที่ยังไม่ได้เข้ามาดูเว็บไซต์ของพวกเราขอให้ได้ใช้ที่นี่เป็นที่พบปะและพูดคุยถึงเพื่อนๆที่หายหน้าหายตากันไปนาน แล้วคุณละคิดว่าเว็บนี้เป็นของท่านหรือไม่!!!! ผมเองได้ประชาสัมพันธ์ให้เพื่อนๆ NEC จากรุ่นและกลุ่มอื่นได้เข้ามาดูเว็บไซต์ของพวกเราแล้วพวกเราเองไม่ทราบว่าหายไปไหนกันหมด?????เรามาช่วยสร้างสรรในสิ่งดีๆเพื่อให้ผู้อื่นได้เห็นและเป็นตัวอย่างให้กับเขาต่อไป>>>>>
วันเวลาไม่เคยคอยใคร อย่าปล่อยให้เวลาลอยนวล!!!!

ครับก็สาธยายมามากแล้วขอฝากสิ่งที่เป็นประโยช์สำหรับพวกเราครับ

^^^aaa^^^pattaya ได้ฝากความคิดเห็น

ฝากสายลมส่งความรู้สึกไปหาเธอจะได้ไหม
ฝากสายฝนบอกกับเธอว่าฉันนั้นห่วงใย
แม้ตัวห่างสุดแสนไกล "ใจผูกพัน"
กลอนซึ้งๆมอบให้ทุ๊กกกคน


แว็บมาสเตอร์ (แว็บอีกและ)

" ด้วยรักและผูกพัน..ครับพี่น้อง NEC .11/2551 "

^^aaa^^pattaya^_^ ได้ฝากความคิดเห็นไว้วันนี้วันเสาร์ที่ 6/9/51

แป๊บๆจะหมดปีแล้วเดี๋ยวก้อปี 52 กำลังจะมาตามติดๆวันๆช่างผ่านไปได้รวดเร็วเหลือเกิน ไวเหมือนโกหกวันนี้มีอะไรมาฝากเพื่อนๆเล็กน้อยสำหรับเพื่อนๆคนไหนที่กำลังมีรักสามเส้าอยู่
รักสามเส้าอย่างไร ไม่ให้เป็นรักสามเศร้า
หากชีวิตหนึ่งของคนเรามีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายหลายหลาก และหนึ่งในร้อยของเรื่องราวนั้นเป็นเรื่องที่มนุษย์เรายากที่จะออกแบบและเลือกรับไว้ได้ไหว เรื่องนั้นคงหนีไม่พ้นเรื่อง “ความรัก”
ใช่ค่ะ เรื่องรักมักออกแบบไม่ได้ เรื่องรักมักไม่เป็นอย่างที่ใจเราวาดไว้ โชคดีอาจออกมาเป็นรูปเป็นร่างแต่ก็ไม่ใช่แบบที่ต้องการเสมอไป จนมาถึงวันหนึ่ง วันที่เวทีพรหมลิขิตหมุนคุณให้พบเจอกับใครคนนั้น คนที่ใช่ แต่โชคร้ายในความโชคดี คือคุณพบเขา ผิดเวลา ไปเท่านั้นเอง นั่นหมายความว่า ความรักของคุณเป็น รักซ้อน เข้าแล้วล่ะค่ะ
ในเมื่อหัวใจเรียกร้อง และอย่างที่บอก มันคือเรื่องของพรหมลิขิต ที่บังเอิญมาเล่นตลกกับเราขีดให้บรรจบพบเจอกับคนมีเจ้าของแล้ว มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ ที่คุณจะห้ามใจไม่ให้รัก หรือไม่ให้ตกหลุมรักคนที่ใช่ ในเวลาที่ผิดแบบนี้ได้ เพราะชาตินี้ทั้งชาติ เราอาจไม่มีโอกาสพบเจอคนๆ นี้อีก
“เอ๋” ขอเสนอแนวทางในการ รักช้ำ ๆ ไม่ให้ช้ำ ซึ่งไม่ได้ไปแย่งความรักจากใคร หรือ เสนอตัวเป็นมือที่ 3 แต่อย่างใด ถ้าความรักยังเป็นสิ่งที่สวยงามในใจคุณอยู่ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะแอบรักคนมีเจ้าของ หรือคนมีเจ้าของจะมาตกหลุม (รัก) คุณเสียเอง
10 เงื่อนไขรักซ้อน (แบบไม่ซ่อนเงื่อน)
1. อยู่บนพื้นฐานของความรัก ก่อนที่คุณจะก้าวเข้าสู่วงโคจรรักซ้อนแบบนี้ คุณต้องถามตัวเองให้แน่ใจก่อนว่า นี่คือความรักใช่หรือไม่ เพราะถ้าเป็นแค่เกม เกมหนึ่งหรือแค่ความวูบวาบหวั่นไหวไปตามอารมณ์ อาจมีคนต้องเจ็บปวดเพราะความคะนองของคุณก็เป็นได้ แต่ถ้ามันเป็นความรักจริงๆ คุณจะควบคุมจิตใจคุณได้ และใช้เหตุผลเข้ามาช่วยตัดสินใจบ้าง
2. ใช้ความยับยั้งชั่งใจ ระงับความรู้สึกที่มันพลุ่งพล่าน ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องดึงจิตสำนึกส่วนนี้มาใช้ให้เป็นประโยชน์ แม้ว่าการใช้ชีวิตตามความรู้สึกจะนำพาคุณให้บรรลุความปรารถนาได้ก็ตามทีแต่เงื่อนไขของรักซ้อนคือความยับยั้งชั่งใจ จากนั้นใช้ความรู้สึกที่เหลือแสดงออกไป การทำเช่นนี้จะทำให้คุณมีคุณค่าและดูมีเหตุผล ในขณะที่คุณได้ทำตามความปรารถนาของคุณเองด้วย
3. หาคู่คิด เพื่อหามุมมองต่างๆ มาหักลบกลบหนี้ และหาทางออกให้กับเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะถ้าคุณคิดอยู่คนเดียว อาจทำให้หน้ามืดตามัวขึ้นมาก็ได้ แต่อย่ากระโตกกระตากเป็นอันขาด เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจผิดได้ง่าย และหมิ่นเหม่เป็นอย่างยิ่ง ถ้ายิ่งมีคนไม่เข้าใจ คุณจะยิ่งเป็นทุกข์ คุณควรมีคู่คิดที่เป็นคู่คิดจริงๆ ว่าเขาจะเก็บรักษาเรื่องราวของคุณได้ ราวกับรักษาเรื่องของตัวเอง
4. มีขอบเขตและเงื่อนไข กำหนดมันขึ้นมาเลย ว่าคุณจะให้ความรู้สึกหรือใจกับคนๆ นั้นได้แค่ไหน โดยที่ไม่เบียดเบียน หรือทำให้ใครต้องเจ็บปวด ให้รักครั้งนี้เป็นความรักที่หวือหวาที่สุดในชีวิตคุณ แต่เงียบที่สุดในชีวิตของเขา แล้วทำตามเงื่อนไขที่คุณกำหนดให้จงได้
5. ยอมรับความจริงและเผื่อใจ ห้ามหลงตัวเอง ห้ามหลอกตัวเอง นั่นหมายความว่า คุณต้องรู้จักสถานะตัวเองดีพอที่จะประเมินสถานการณ์ทุกอย่างบนความจริงได้ และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า ก็ตามแต่ คุณต้องรับมันและผ่านไปให้ได้ ไม่แน่ว่า ความรักครั้งนี้อาจเป็นหนทางทำให้คุณรู้จักตัวเองอีกแง่มุมหนึ่งของชีวิตที่คุณไม่เคยรู้ตัวมาก่อนก็เป็นได้ ในเมื่อคุณก้าวเข้ามาในวังวนความรักแบบนี้ คุณต้องรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าความทุกข์จะต้องรออยู่ข้างหน้า ฉะนั้นเตรียมรับมือไว้ได้เลย แต่มันก็คุ้มค่าไม่ใช่หรือที่จะแลกกัน
6. อย่าคาดหวังเป็นอันขาด เป็นเรื่องพื้นๆ ที่มีคนกล่าวว่าที่ความผิดหวังเกิดขึ้นได้ ก็เพราะเราคาดหวังมันเอง แล้วคุณจะหวังอะไรกับรักต้องห้ามครั้งนี้ได้ ห้ามแม้แต่จะคิดหวังจะให้เขามาเป็นของคุณ แค่ได้รักกันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นแล้ว
7. อย่าทำให้ใครต้องเจ็บปวดกับเรื่องนี้ นี่คือเงื่อนไขที่สำคัญที่สุดสำหรับความรักแบบต้องห้าม มิเช่นนั้นความรักของคุณจะเป็นพิษทันที ถ้ามันจะทำให้ใครสักคนมีอันต้องเจ็บปวดขึ้นมา
8. ห้ามก้าวก่าย ความหมายคล้ายๆ “กิ๊ก” เหมือนกัน เพียงแต่จริงจัง จริงใจกว่ากันหลายขุม ที่ต้องห้ามไปก้าวก่ายในชีวิตเข้าหรือเธอก็เพราะคุณไม่มีสิทธิ์ในชีวิตของเขาคนนั้น คุณแค่รักกัน แต่คุณไม่ใช่ของกันและกัน
9. ปรนเปรอความสุขให้คนที่คุณรักด้วยการสรรหาสิ่งดีๆ ให้ซึ่งกันและกันอย่างเต็มใจไม่ปรุงแต่งให้มากมาย ให้ความรักเป็นสิ่งสวยใส ไม่ขุ่นมัวจะดีกว่า เป็นการถนอมรักด้วย เขาจะรู้สึกดีแค่ไหน ที่มีคุณก้าวเข้ามาในชีวิต แล้วก็มอบแต่สิ่งดีๆ ให้เท่าที่ให้ได้จากตำแหน่งที่คุณยืนอยู่ เพราะคุณไม่สามารถที่จะล่วงล้ำอาณาเขตมากไปกว่านี้อีกแล้ว
10. เติมเต็มในสิ่งที่เขาขาดหาย แน่นอนเขากำลังมองหาส่วนที่ขาดหายอยู่แน่ๆ ไม่งั้นเขาคงไม่คิดจะเปิดรับคุณเข้ามาได้หรอก เพราะฉะนั้นผู้โชคดีที่จะไปเติมส่วนขาดให้เขา คือคุณนั่นเอง เรื่องนั้นอาจเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ชีวิตเขาไม่เคยพบเจอและหาไม่ได้จากคนที่เป็นตัวจริงของเขา เป็นความหวาน เป็นความประทับใจ ที่ตกหล่นหายจากชีวิตเขาไปเนิ่นนานแล้วก็ได้ ทำให้คุณเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่ใช่ส่วนเกินที่ต้องตัดทิ้ง
แล้วรักสามเส้าจะได้ไม่กลายเป็นรักสามเศร้าให้คุณต้องกินข้าวเคล้าน้ำตา และกระอักกับความรักจนต้องหวาดผวากับมันไปจนชั่วชีวิต.......ความรักมักซับซ้อน ซ่อนเงื่อนไว้แบบนี้ แต่ในความซับซ้อนนั้น ก็ยังอยู่บนพื้นฐานของความเรียบง่ายอยู่ดี ถ้าความรักยังเป็นความรักอยู่
เวลาเราเดินหกล้ม ไม่ใช่ความผิดของถนนเส้นนั้นหรอก ความรักก็เช่นกัน มิใช่หรือ...เล็กๆๆน้อยๆจากเด็กพัทยา (เอ๋)ค่ะ

เขียนโดย ^^aaa^^pattaya^_^ ถึง กลุ่ม NEC ม. บูรพา รุ่น 11/2551 เวลา วันศุกร์, 05 กันยายน, 2008


แว็บมาสเตอร์

ผมเองก็มีความรักเหมือนกันครับ เป็นรักที่มีคุณค่าที่สุด..

คือรักของพระพุทธเจ้าครับ

ความรักของพระพุทธเจ้าคือการให้... สาธุ

^_^aaa^_^pattaya กล่าวว่า...


พี่น้อง! มีกลอนดีๆมาฝากเอาไปเลยคะ 1 เรื่องสำหรับพี่น้องชาว NEC ของเรารักคืออะไร

> >> >>>>ถ้ารัก คือ...ฟัน
> >> >>>>รักคงมั่น คือ...ฟันแท้
> >> >>>>รักร่อแร่ คือ...ฟันโยก
> >> >>>>รักโสโครก คือ...ฟันดำ
> >> >>>>รักถลำ คือ...ฟันเหยิน
> >> >>>>รักหมางเมิน > >>คือ...ฟัน***ง
> >> >>>>รักร้าง คือ...ฟันหลอ
> >> > >>>>รักหงิกงอ คือ...ฟันกุด
> >> >>>>รักบริสุทธิ์ คือ...ฟันขาว
> >> >>>>รักชั่วคราว คือ...ฟันปลอม
> >> >>>>รักอ่อนซ้อม คือ...ฟันร่วง
> >> >>>>รักสีม่วง คือ...ฟันเก*
> >> >>>>รักจำเจ คือ...ฟันซ้อน
> >> >>>>รักสลอน คือ...ฟันแทรก
> >> >>>>รักแรก คือ...ฟันน้ำนม
> >> >>>>รักระบม คือ...ฟันผุ
> >> >>>>รักคิกขุ คือ...ฟันกระต่าย
> >> >>>>รักสลาย คือ...ฟันหลุด
> >> >>>>รักชำรุด คือ...ฟันสึก
> >> >>>>รักเจ็บลึก คือ...ฟันคุด
> >> >>>>รักตุ๊ด คือ...ฟันหนุ่ม
> >> >>>>รักทั้งกลุ่ม คือ...ฟันหมด
> >> >>>>รักสลด คือ...ฟันพลาด
> >> >>>>รักต่างชาติ คือ...ฟันฝรั่ง
> >> >>>>รักปิดบัง >คือ...ฟันชู้
> >> >>>>รักอุดอู้ คือ...ฟันช้า
> >> >>>>รักกะฮา > >>คือ...ฟันเล่น
> >> >>>>รักไม่เป็น คือ...ฟันดะ
> >> >>>>รักเธออยู่เสมอ จริงๆ นะ...ฟันธง
(รักคนมีเจ้าของ > >>...คุณจาโดนฟัน)
> >> >>>>รักนะ จุ๊บ.....บ > >> >> > >> >>

_________________________________________________________________
วันจันทร์, 08 กันยายน, 2008






แว๊บมาสเตอร


สาระหนุกหนานเกล็ดเล็กเกล็ดน้อยครับ จากเพื่อนๆเราเอง

ที่รู้ๆวันนี้คุณแปรงฟันหรือยัง

อย่าลืมแปรงฟันด้วยยาสีฟันสมุนไพร ณ ครับ

ฟันขาวสะอาด ลมปากหอมสดชื่น แฮ่แฮ่



clean-bigboss กล่าวว่า...


หวัดดีคับ ผมธนัช เด้กหนองมน หวัดดีหนุ่มๆสาวๆคนชราทุกคนคุณเอ๋เด็กพัทยาสาธยายมีแต่เรื่องรัก.รักฟัน.ฟันแทงทั้งน๊านนนน ใจร้ายโหดร้ายคนข้างจะเป็นคนอ่อนไหวเล็กน้อยและปานกลาง ไปอ่อนข้อความอาแป๊ะ..ซอยถี่มันส์มากน่ะจาไปซอยไหน ถี่ยิบเลยไม่นับเอาล่ะเข้าเรื่องสาระหน่อยน่ะบางคนอาจจาไม่ทราบน่ะครับวันนี้ขออธิบายเรื่อง BTU.ครับแล้วมันคืออาไรลาก๊ะ ขอตอบ,..บีทียู (BTU:British Thermal Unit)ก็คือหน่วยที่ใช้วัดปริมาณความร้อนหนึ่งหน่วย(ซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันมากในระบบปรับอากาศ)สามารถเทียบได้กับหน่วยแคลอรี่หรือหน่วยจูลในระบบสากล โดยที่ความร้อน 1 BTU. คือปริมาณความร้อนที่ทำให้น้ำ 1 ปอนด์ มีอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง 1 องศาฟาเรนไฮด์ สำหรับเครื่องปรับอากาศนั้นจะวัดกำลังความเย็นหรือความสามารถในการดึงความร้อน (ถ่ายเทความร้อน)ออกจากห้องปรับอากาศในหน่วยบีทียูต่อชั่วโมง (Btu/hr)ซึ่งเทียบเท่ากับหน่วยวัตต์ในระบบสากลเช่น เครื่องปรับอากาศขนาด 12,000 บีทียูต่อชั่วโมงหมายความว่าเครื่องปรับอากาศเครื่องนั้นมีความสามารถในการดึงความร้อนออกจากห้องปรับอากาศ 12,000 บีทียูในเวลา 1 ชั่วโมงแต่โดยทั่วไปในท้องตลาดมักใช้คำว่าบีทียูต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นการใช้ที่ผิดหลักวิชาการแต่ว่าเป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไปละก๊ะเอาละวันนี้เบาๆแค่นี้ก่อนครับพี่ไพบูลย์ การเมืองค่อนข้างจะคลายความตึงเครียตลงเล็กน้อยแล้วต่อๆไปอาจจามีอาไรดีขึ้นเรื่อยๆก็ได้คับ ขอให้เพื่อนโชคดีมีกาตังค์ใช้เยอะทุกคนคับ


วันพฤหัสบดี, 11 กันยายน, 2008





แว๊บมาสเตอร์


สำหรับบทความดีๆมีสาระที่คุณเด็กหนองมนนำมาฝากทุกครั้งบอกตรงๆ ณ ครับว่าอ่านแล้วเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ใช้แอร์หรือผู้ที่กำลังจะใช้แอร์ แต่แว๊บมาสเตอร์เปิดแอร์ที่อุณหภูมิในห้องนอน 20 องศาเซลเซียส มันเป็นการที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นักเกี่ยวกับการรณรงค์ให้ประหยัดพลังงานกันในคณะนี้ แต่เป็นการประฏิบัตรส่วนตัวครับผมเองได้ใช้แอร์มานานและมีความเชื่อส่วนตัว(ส่วนบุคคล)ว่าการนอนในห้องแอร์ที่อุณหภูมิต่ำหรือต่ำมากในอุณหภูมิที่เย็นมากหน่อยจะทำให้อุณหภูมิในร่างกายของเราโดยเฉพาะตามผิวหนังจะได้รับอุณหภูมิต่ำจะทำให้ผิวหนังไม่เหี่ยวย่นและอุณหภูมิในร่างกายไม้ร้อนจะทำให้ไม่ไปเผาผาญอวัยวะภายในจึงทำให้ไม่แก่...... ขอย้ำ.. ไม่แก่ 55 อันนี้เป็นความเชื่อส่วนตัว ณ ครับ แต่ผมเองได้นอนในห้องแอร์ที่มีอุณหภูมิต่ำมานานแล้ว รู้สึกว่าสุขภาพดี ผิงหนังไม่เหี่ยวก่อนวัย จริงไหมครับเพื่อนๆ จำหน้าแว๊บมาสเตอร์ได้ไหมครับ นุ้มมมมมมมม หนุ่ม แฮะแฮะ


วันศุกร์ที่ 12-กันยายน - 2551 เวลา 20.50 น.


M(หมี)สุรศักดิ์ กล่าวว่า...


้ฮาโหลเทส...วันเสาร์ทำงานเลิก2ทุ่มถึงงาน3ทุ่ม..จาเจอใครมั๊ยเนี่ยอ่านเรื่องจ่ายค่ายาล่วงหน้าแล้วประทับใจดีมากครับ ถ้ามีคนดีๆในสังคมเยอะๆทุกคนก็จะมีความสุข...ไม่ได้เข้ามาเยี่ยมพี่ไพบูลย์(หมายถึงเวปนะ..ไม่ใช่คุก)ซะนาน..เดี๋ยวนี้พัฒนาไปไกลเลยนะครับ..รู้มั้ยว่าผมใช้เวลาตั้ง2วัน..กว่าที่จะฝากความคิดเห็นเข้ามาได้ (อ่อนหัดซะไม่มี)แล้วเมื่อไหร่จะสอนผมซะที่ล่ะค้าบบบ..


วันพฤหัสบดี, 11 กันยายน, 2008

แว๊บมาสเตอร์

สวัสดีครับคุณหมีหนวดงาม นี่เล่นทักให้ห่างๆค.......กบ้างก็ได้ ณ นานๆมาที่เล่นทักซะเสียวเลยยยยย...ต้องบอกว่าเพื่อนเรามีความพยายามที่จะเข้ามาบ้านของพวกเราและมานั่งคุยกับเพื่อนๆทุกคนในบ้าน (เวบของพวกเรา) ที่พวกเราจะได้มาคุยโดยการแวะมาโพสข้อความดีๆหรือความรู้ที่อยากจะเผยแพร่และสุดท้ายคือการฝากความคิดถึง..ถึงเพื่อนๆ สงสัยหมีจะลืมกุญแจเข้าบ้านเรา ณ 5555 แล้วเพื่อนๆที่เหลือละครับยังไม่ได้เข้ามาใช้เว็บของพวกเราเป็นสื่อกลางให้เพื่อนๆได้รับทราบถึงความเคลื่อนไหวของคุณ

วันศุกร์ที่ 12-กันยายน - 2511 เวลา 21.50 น.


แว็บมาสเตอร์

ด่วน ห้ามอ่าน !!!!! ห้ามเปิด !!!!!

ครับผมได้รับบทความที่สนุกสนานเพื่ออ่านเล่นเอาไว้คลายเครียตจาก คุณ นู๊เอ๋เพื่อนเราเองครับอ่านแล้วต้องอมยิ้มขำขันครับแต่ต้องขออนุญาตเซนเซ่อXXXXครับถ้าสนใจคลิกด้านล่างได้เลยครับ ตรงที่ฝากข้อความ


วันพุธที่ 24 กันยายน 2551

จ่ายค่ายาล่วงหน้า

ได้รับ FW mail มาก็หลายวันแล้วเมื่ออ่านแล้วรู้สึกว่าต้องขอบอกต่อกันไปให้ได้อ่านทุกคนครับ เมล์นี้ท่านอ่านแล้วโปรดใช้วิจารณญานในการอ่านด้วยครับ มันเป็นความรู้สึกส่วนตัวที่ต้องขอบอกว่า ....!!! เยี่ยมจริงๆ

'อย่าหนีนะ เจ้าเด็กขี้ขโมย'

เสียงผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งตะโกนลั่น
พร้อมกับมีเด็กคนหนึ่งกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งวิ่งผ่าน
ฉันกับแม่ที่กำลังซื้อเนื้อหมูในตลาดไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งแม่และฉันหันไปดูทันเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้น แค่แวบเดียว แม่ถามฉันว่า

'อ้าวนั่นป้าร้านขายของไม่ใช่เหรอ'

'ใช่จ้ะแม่ แกวิ่งไล่ใครกันละ'

ป้าคนนั้นชื่อว่า 'ป้าหนอม'เป็นแม่ค้าขายของชำ
สารพัดอย่างในตัวตลาดในอำเภอที่ฉันอยู่มีฐานะ
จัดว่าดีกว่าแม่ค้าคนอื่นๆ ในละแวกเดียวกัน
และเป็นที่รู้จักกันว่าแกเป็นคนที่ขี้เหนียวอย่างร้ายกาจ
แถมปากจัดที่สุดในตลาดอีกด้วย ใครต่อราคาของ
มากเกินไปหรือถามราคาแล้วไม่ซื้อป้าแกจะโวยวาย
ชนิดต้องรีบเผ่นออกจากร้านแทบไม่ทันทีเดียว
เสียงเอะอะดังมากขึ้นฉันหันไปมองป้าหนอมจับข้อมือ
เด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 12-13 ขวบไล่เลี่ยกับฉัน
ซึ่งกำลังดิ้นรนอยู่ และป้าแกกำลังจะลงไม้ลงมือ แม่จึงเดินเข้าไปถาม

'พี่หนอม มีไรหรอคะ'

'ก็คุณเด็กเวรนี่นะสิ มันมา
ทำทีขอซื้อยาแก้ปวดกับยาธาตุ
พอฉันหยิบส่งให้ มันก็วิ่งหนีมาเลย เงินก็ไม่จ่าย'
พูดจบป้าหนอมก็ตบหัวเด็กคนนั้นอย่างแรงหนึ่งที
และคงจะมีตามมาอีกหลายทีแน่ถ้าแม่ฉันไม่ห้ามไว้
'ตายแล้วพี่หนอม อย่าถึงกับลงไม้ลงมือกันเลยนะ แล้วนี่จะทำไงต่อ'
แม่รีบตัดบทเพราะเห็นว่าเรื่องราวชักจะไปกันใหญ่
'เรียกตำรวจมาเอามันไปเข้าคุกนะสิ เสียนิสัย พ่อแม่ไม่สั่งสอนยังเด็กตัวแค่นี้ก็รึจะเป็นขโมยซะแล้ว ต่อไปก็คงต้องปล้นเขากินหละ'

ฉันสะกิดแม่ทันทีพร้อมกับมองพลางส่ายหัวน้อยๆ
ทำนองว่าอย่าไปยุ่งดีกว่าแม่มองฉันแล้วมองเด็กคนนั้น
ซึ่งท่าทางเหมือนกำลังจะร้องไห้แม่นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันไปพูดกับป้าหนอมว่า
'อย่าให้ถึงอย่างนั้นเลยนะพี่หนอมเด็กมันคงอยากซื้อยา
แต่ไม่มีเงินนะ เอาเป็นว่าฉันจ่ายให้ละกันนะกี่บาทกันละ'
ในที่สุดเรื่องก็จบลงโดยการที่แม่ยอมจ่ายเงินค่ายา
แก้ปวดกับยาธาตุแล้วแม่ก็จูงเด็กคนนั้นออกมาจากตลาด
แต่ป้าหนอมยังไม่วายเตือนแม่
'ใจดีกับเด็กขี้ขโมยแบบนี้ ระวังจะเสียใจทีหลังนะเธอ'
แม่ไม่ได้ตอบอะไรแต่พอเดินห่างจากร้านพอสมควรแล้วก็ถามว่า

'ทำไมหนูขโมยของป้าเขาละ'

เด็กคนนั้นเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมองแม่ แล้วตอบสะอึกสะอื้นว่า

'แม่ผมปวดท้องมากเลยครับ แล้วแม่ก็ไม่มีเงินไปหาหมอผมก็เลยต้อง...'

แม่มองหน้าเด็กคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยืนผลไม้ที่ซื้อมาให้เด็ก
คนนั้นถุงหนึ่ง แล้วบอกว่า
'ทีหลังอย่าขโมยของใครนะ ถ้าไม่มีเงินมาขอเงินน้าไปซื้อก็ได้นะ
น้าชื่อสมพรเปิดร้านเย็บผ้าอยู่ใกล้ๆนี่เองถามคนแถวนี้ก็ได้ รู้จักน้า
แทบทุกคนเลยแหละ เอ้า...เอา ส้มไปฝากคุณแม่ซิคนป่วยนะต้อง
กินผลไม้มากๆ จะได้หายไวๆ รู้มั้ย'
แม่เสริมพร้อมกับยิ้ม เด็กคนนั้นอึ้งอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะรับส้ม
พร้อมกับพูดขอบคุณแม่แล้วเดินจากไป
หลังจากนั้นพอกลับมาถึงบ้าน ฉันก็ถามแม่ทันที

'ทำไมแม่ต้องช่วยเด็กคนนันด้วยละ รู้จักกันหรอจ้ะ'

แม่ยิ้มแล้วตอบฉันว่า

'ไม่รู้จักหรอก แต่แม่เห็นเด็กคนนั้นรับจ้างหาบขนมขาย
อยู่แถวบ้านเราน่ะลูก แต่แกคงจำแม่ไม่ได้หรอกแม่ซื้อขนม แกอยู่ไม่กี่ครั้งเอง'

'แต่นั้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะต้องช่วยเหลือเขาถ้าเขาเป็นขโมยนี่แม่'

ฉันถามต่อ แม่มองหน้าฉันแล้วพูดว่า
'แม่เชื่อว่าเด็กที่เคยหาเงินด้วยตัวเองมาก่อนตั้งแต่อายุเท่าๆกับลูก
จะต้องเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบรู้คุณค่าของเงินทุกบาท
ทุกสตางค์ว่ากว่าจะได้มามันเหนื่อยยากขนาดไหนและคนที่มี
ความรับผิดชอบนะ จะไม่มีทางขโมยของใครนอกจากจะจำเป็นจริงๆ
เมื่อเขาไม่มีทางอื่นให้เลือกแล้วเท่านั้น'

ฉันฟังแล้วก็ถามแม่ต่อว่า
'แล้วต่อไปถ้าเขามาขอเงินแม่ไปซื้อยาอีก แม่จะให้เขารึเปล่า'
'ให้สิลูกถ้ามันไม่มากไม่มายอะไร

'แล้วแม่ไม่เสียดายเงินหรอบ้านเราก็ไม่ได้ร่ำรวยเหมือน บ้านป้าหนอมเขานะแม่'

'ถึงแม่จะไม่มีเงินทองมากนักแต่การที่ได้ช่วยเหลือคน
ที่กำลังลำบากน่ะ มันทำให้แม่มีความสุขแล้วยังได้บุญอีกด้วยนะ
แค่นี้แม่ก็พอใจแล้ว ไม่อยากได้อะไรตอบแทนหรอก'

แล้วแม่ก็พูดต่ออีกว่า

'จำไว้นะลูก คนเรานะต้องรู้จักให้อภัยและให้โอกาสคน
อื่นแก้ตัวเสมออย่างเด็กคนนั้น..แม่มั่นใจว่าแกทำไปเพราะ รักคุณแม่ของแกจริงๆ แม่ถึงช่วยแกเอาไว้'

แล้วแม่ก็พูดต่อว่า

'ลูกอาจจะบอกว่าขโมยเป็นสิ่งทีผิด ใช่...แม่ไม่เถียงแต่บางครั้ง
คนเราก็ต้องมองด้านอื่นๆบ้าง อย่าคิดแต่เรื่องทรัพย์สินเงินทอง
ตอนนี้ลูกอาจจะยังฟังไม่เข้าใจ แต่แม่เชื่อว่าสักวันลูกจะเข้าใจเองแหละ'

หลังจากนั้น ฉันกับแม่ก็หันไปคุยเรื่องอื่นๆกันต่อ ฉันเองไม่เคยคิดเรื่องนี้ ี้อีกเลยจนเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น ทำให้ฉันต้องย้อนกลับมาคิดถึงเรื่องนี้อีก ครั้งทั้งน้ำตา ว่าคำพูดของแม่ในครั้งนี้ถูกต้องที่สุดจริงๆ

หลังจากนั้นฉันเรียนจบระดับปริญญาตรีจากสถาบันราชภัฏ
แห่งหนึ่งในตัวจังหวัด แล้วฉันก็ได้งานทำในโรงงานในตัวจังหวัดนั้นเอง
เงินเดือนก็พอประมาณ สามารถเลี้ยงดูแม่ได้โดยไม่ขัดสนนัก
ฉันก็เลยขอร้องให้แม่หยุดรับจ้างเย็บผ้าเพราะอยากให้แม่พักผ่อนบ้าง
หลังจากทำงานหนักมาเกือบ 20ปีเพื่อส่งฉันเรียน แม่ยอมปิดร้าน
แต่ก็ยังรับงานเล็กๆ น้อยๆของเพื่อนบ้านมาทำบ้างโดยไม่คิดเงิน
แม่บอกว่าถ้าไม่ได้ทำอะไรเลยจะรู้สึกเบื่อ ฉันก็เลยต้อง ยอมตามใจแม่

ฉันทำงานอยู่ประมาณ 2-3 ปี แม่ก็เริ่มรู้สึกไม่สบายเริ่มจาก
ปวดหัวบ่อยขึ้น ช่วงแรกๆไม่กี่วันก็หายหลังจากนั้นก็เริ่ม
เป็นนานขึ้นเรื่อยๆ ฉันบอกให้แม่ไปหาหมอแล้วฉันก็พาแม่
ไปหาหมอในเมืองหมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แค่ทำงานหนัก
มากเกินไปหมอให้ยามาชุดหนึ่งพร้อมกำชับให้พักผ่อนมากๆ
จะได้หายเร็วๆ หลังจากกินยาตามที่หมอสั่งอาการปวดหัวของแม่ก็หายไป
ฉันเริ่มสบายใจขึ้น แต่หลังจากไปหาหมอได้ประมาณหนึ่งเดือน
แม่ก็เริ่มกลับมาปวดหัวอีกคราวนี้เป็นหนักมากกว่าครั้งที่แล้ว
ยาที่เคยกินแล้วได้ผลมาก่อนก็ไม่ได้ผลเลย

ฉันกังวลใจมากพอถามหมอหมอก็บอกว่าต้องไปตรวจ
ที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯเพราะว่าเครื่องไม้เครื่องมือพร้อมกว่า
โรงพยาบาลต่างจังหวัด

หลังจากนั้นฉันรีบพาแม่ไปกรุงเทพฯทันที
ไปยังโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งหลังจากหมอตรวจแล้วบอกว่า
มีเนื้องอกในสมองต้องผ่าตัดโดยด่วน หากปล่อยทิ้งไว้อาจไปทับ
เส้นประสาททำให้เป็นอัมพาตได้ หรือถ้าผ่าตัดไม่ทันก็อาจร้ายแรง
ถึงขั้นเสียชีวิต ฉันตกใจมากของให้หมอผ่าตัดให้ทันทีแต่หมอบอกว่า
โรงพยาบาลที่มีหมอผ่าตัดสมองที่มีความพร้อมที่จะผ่าตัดเนื้องอก
ในสมองเป็นอีกโรงพยาบาลหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงมากกว่า
ดังนั้นหมอจึงต้องส่งตัวคนไข้ไปยังโรงพยาบาลนั้น
ฉันก็ตกลง หลังจากถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลดังกล่าวแล้ว
แม่ก็ถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดทันที ขณะที่ฉันรออย่างกังวลใจ
อยู่ด้านนอก ทั้งเรื่องอาการป่วยของแม่และจากคำพูดของหมอ
ที่ทิ้งท้ายไว้ก่อนส่งตัวแม่มาที่โรงพยาบาลแห่งนี้

หมอบอกให้ทำใจไว้บ้าง
เพราะการผ่าตัดสมองเป็นการผ่าตัดที่เสี่ยงมาก
โอกาสที่คนไข้จะเสียชีวิตมีมาก
แม้การผ่าตัด จะประสบความสำเร็จก็ตาม
อีกเรื่องก็คือค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดสมอง ค่อนข้างสูง เป็นหลักแสนบาท
เมื่อรวมกับค่ายาระหว่างพักฟื้น
คิดแล้วน่าจะต้องใช้เงินราวๆ ห้าแสนบาท ฉันได้ยินแล้วแทบลมจับ
ฉันจะไปหาเงินห้าแสนบาทมาจากไหน
ลำพังเงินเก็บของฉันกับแม่ยังมีไม่ถึงห้าหมื่นบาทเลย
แต่ยังไงฉันก็ต้องรักษาแม่ให้หายส่วนเรื่องเงินไว้คิดทีหลัง

หลังการผ่าตัดเสร็จสิ้นลงเป็นโชคดีของแม่ทีการผ่าตัด
ประสบผลสำเร็จและไม่มีอาการแทรกซ้อนใดๆทางโรงพยาบาล
บอกให้พักฟื้นประมาณหนึ่งเดือนก็สามารถไปพักฟื้นที่บ้านได้

ทางโรงพยาบาลแจ้งรายการค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาให้ฉัน
ปรากฏว่า เป็นเงินจำนวนไม่ถึงหนึ่งพันบาทเป็นค่าติดต่อประสานงานเท่านั้น
ฉันแปลกใจมากจึงสอบถามกับนางพยาบาล นางพยาบาลบอกว่า
คุณหมอที่เป็นคนผ่าตัดและเป็นเจ้าของไข้
บอกไม่ให้คิดเงินกับฉันและแม่ โดยที่ทางโรงพยาบาลก็ไม่ทราบสาเหตุ

ฉันจึงขอพบคุณหมอคนนั้นเพื่อขอบคุณ
นางพยาบาลบอกว่าหลังจากเสร็จคุณหมอก็ถูกส่งตัว
ไปต่างประเทศทันทีเพื่อศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการ ผ่าตัดสมองที่อเมริกา
แต่คุณหมอได้ฝากจดหมายไว้ให้ฉันกับแม่

โดยกำชับกับทางโรงพยาบาลให้ฝากให้ฉัน
พร้อมกับใบเสร็จค่าใช้จ่ายอื่นๆ ของทางโรงพยาบาลในวันที่แม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้
เมื่อกลับถึงบ้าน
ฉันกับแม่ก็เปิดอ่านจดหมายของคุณหมอคนนั้น

เมื่ออ่านจบทั้งฉันและแม่ก็ร้องไห้ออกมาพร้อมกัน

เนื้อความในจดหมายมีดังนี้


ข้าพเจ้านายแพทย์เดชา ทองวิจิตร แพทย์ผู้ผ่าตัด
นางสมพร ภู่จันทร์
ขอสรุปค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดทั้งหมดดังนี้
ค่าผ่าตัด 0 บาท

ค่ายาทั้งหมด 0 บาท
ค่าใช้จ่ายอื่นที่เหลือ 0 บาท
รวมเป็นเงินทั้งหมด 0 บาท

ป.ล. ค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้รับแล้ว
เมื่อยี่สิบปีก่อนด้วยยาแก้ปวดยาธาตุ ส้มหนึ่งถุง

ขอให้สุขภาพแข็งแรงไปอีกนานๆ นะครับคุณน้า
นายแพทย์เดชา ทองวิจิตร

ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความ
และเพื่อนๆที่ FW Mail ดีๆมาให้
ที่ลืมไม่ได้ขอบคุณท่านที่อ่านจนจบ
และขอบคุณมากๆที่เผยแพร่ต่อไป
ขอบคุณจริงๆ
จากแว็บมาสเตอร์

วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2551

แบ่งปันความสุข ดับอากาศที่ร้อน ด้วยภาพ..ไร้เดียงสา

สวัสดีครับเพื่อนๆสมาชิกชาว NEC รุ่น 11 เนื่องจากในบรรยากาศยามนี้ดูเหมือนว่ามีลมพายุและแดดร้อนจัดมากอาจทำให้พวกเรารู้สึกว่าไม่ค่อยสบายปวดหัวตัวร้อนกันไปตามๆกัน... อึดอัดอึดอัด.. ธุรกิจก็ไม่ค่อยดีนักแถมนักลงทุนก็หายไปหมด ทุกคนก็ตกอยู่ในสภาวะเดียวกันหมดมองไปทางไหนก็เห็นแต่คนหน้าเหี่ยวกันไปหมด เฮ้ย มันเกิดอะไรขึ้น ณ ???? จิตใจห่อเหี่ยว!หน้าตาห่อเหี่ยว!ผิวหนังก็เหี่ยว!.. เหลืออย่างเดียว ห่อหมก (ห่อหมกปลาอินทรีย์จ้า) แฮะแฮะ เมื่อมีโอกาสก็ขอให้พวกเราได้หันมาปรึกษาพูดคุยแลกเปลี่ยนแชร(ไม่ได้ชวนเล่นแชรนะเด๋วเข้าใจผิด)ประสพการณ์ที่เป็นประโยชน์ให้กับเพื่อนๆฟังกันบ้าง พูดคุยก็ผ่านมาเยาะแล้วก็ขอได้ฝากรูปที่ดูแล้วต้องบอกว่า...อึ่มนายแน่มาก ฮิฮิ เป็นรูปที่บังเอิญผมได้ไปถ่าย (เกือบมีกลิ่นล๊ะ) เอาไว้นานแล้ว ผมเห็นว่าน่าจะนำมาแชรให้เพื่อนๆชาว NEC รุ่น11 ได้ดูเพื่อแก้เซ็งในยามนี้ครับ

๑.ไร้เดียงสา .....


๒. ลูกใครหว่า .....(เหมือนลูกใครไม่รู้ที่เห็นพ่ออุ้มลูกอยู่ในไฮไฟนะ)


๓. บ้องแบ้ว .......... ยอดตอง ไม่รับซะคน ฤ


ป็นอย่างไรบ้างครับเห็นรูปแล้วคงจะช่วยดับอากาศที่รุ่มร้อนลงได้บ้างนะ ฤ ท่านว่าไง
ถ้าเพื่อนๆมีรูปที่คิดว่าดูดีและเป็นประโยชน์ก็ขอให้ส่งมาผมจะลงให้ครับ เอาไว้ไปเม้าท์กันที่งานเลี้ยงนะครับ ดีใจด้วยที่เพื่อนๆได้รับปากว่าจะไปกันมากๆ ...บาย
เป็นอย่างไรบ้างครับ..แล้วก็มีเหยื่อ แฮะแฮะ ไม่ช่ายเพื่อนขาประจำเองมาฝากความคิดเห็นครับ..เอ้าอ่าน ณ
เด็กหนองมนไม่ทอดทิ้งกัน ได้ฝากความคิดเห็น
น่ารักดีน่ะลูกใครเนี่ย ช่วงนี้หลังจากพี่ไพบูลย์มีรูปดีๆแว๊บๆใน Web เราเนี่ยเพื่อนจะขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆน่ะตะโขงตะเข้มาเรื่อยๆเลยขอชมเชยความคิดยอดเลยครับที่จะนำเสนอสื่อๆดีมาใหม่

เขียนโดย เด็กหนองมนไม่ทอดทิ้งกัน ถึง กลุ่ม NEC ม. บูรพา รุ่น 11/2551 เวลา วันศุกร์, 05 กันยายน, 2008
นี่ยังไม่รู้ตัวว่าถูกแซวนะเนี่ยคุณ ธนัชเด็กหนองมน 555555

งานสัมมนา " การพัฒนาธุรกิจในมิติทางการตลาดและการสื่อสารการตลาดครบเครื่อง "

ข่าวประชาสัมพันธ์ ด้วยศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 9 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้จัดให้มีการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ " การพัฒนาธุรกิจในมิติทางการตลาดและการสื่อสารการตลาดครบเครื่อง " จึงขอเชิญท่านสมาชิกกลุ่ม NEC รุ่น 11 ทุกท่านได้รับทราบทั่วกันครับ โดยมีรายละเอียดตามที่เอกสารแนบมาครับ ในรายการนี้ฟรีตลอดรายการครับแต่ไม่มีที่พักให้นะครับ ขอให้ท่านสมาชิกทุกท่านได้ส่งแบบตอบรับกลับภายในวันที่ 12 กันยายน 2551 ครับ โทรสาร 0-3826-1201

วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2551

รายชื่อคณะทำงาน NEC ภาคตะวันออก

รายชื่อคณะทำงาน NEC ภาคตะวันออก
รายชื่อของคณะทำงานในเครื่อข่ายผู้ประกอบการใหม่ภาคตะวันออกซึ่งจัดโดย
สำนักงาน ศูนย์ส่งเสริมอุตสาห์กรรมภาคที่ 9 กระทรวงอุตสาห์กรรม ได้จัด
ให้มีการเลีอกตั้งให้เกิดคณะทำงานเครื่อข่ายของผู้ประกอบการใหม่ NEC
โดยมีรายชื่อของคณะทำงานดังนี้

แล้วเพื่อนที่เหลือหายไปไหนหมด?????

ได้รับข้อความโพสของเพื่อนๆที่ต้องบอกว่าเปน(ยืมภาษามาจากไฮไฟครับ)เป็นขาประจำของเว็บ NEC ขนาดแท้ที่มีข้อความที่ฝากถึงเพื่อนและบทความที่เปน(ไฮไฟอีกแล้วฮิฮิ)ประโยชน์มาฝากพวกเราครับ แล้วเพื่อนๆที่ยังไม่ได้เข้ามาดูและที่ยังไม่เคยมาโพสข้อความให้เพื่อนๆและทักทายกันเลยก็ขอให้ได้เข้ามาใช้เว็บไซต์ของพวกเราได้เป็นสื่อกลางเพื่อที่พวกเราจะได้ไม่ลืมกันครับสำหรับคนที่ยังไม่เคยได้เข้ามาก็ขอให้ได้เข้ามาดูมาชมและสุดท้ายให้ช่วยกับฝากข้อความหรือใครที่มีสาระความรู้ที่เป็นประโยชน์มาให้เพื่อนๆได้อ่านครับ
..ไม่มีเวลา
..ไม่ได้เปิดเน็ต
..ไม่ว่าง
..ไม่ 1..ไม่ 2
..ไม่ 3..ไม่ 4
...และสุดท้ายเลยไม่รู้ว่าพวกเราทำอะไรเลย

ครับต้องขอฝากข้อความดีๆที่มีสาระมาสองฉบับครับ..เจ้าเก่าชักน้อยใจ..

1.เอ๋ เด็กพัทยา กล่าวว่า...
หวัดดีเพื่อนๆทุกคน หายกันไปหมดเลย ไม่มีใครสนใจเลยนะ WEP นี้ ขอความกรุณามาช่วยกันฝากความคิดเห็นหน่อยนะ คิดถึงทุกคนนะคะ
วันอาทิตย์, 31 สิงหาคม, 2008



2.สวัสดีขอรับเพื่อนๆพี่ๆทุกคนผม ธนัช เด็กหนองมน เจ้าเก่ามีคนเดียวที่มีข่าวสาร-สาระต่างๆแจ้งให้เพื่อนๆทราบกันครับ เงียบไปเลยเพื่อนๆไปประชุมกันหรือเปล่าล่ะ คุณหมีหนวดงาม ชิ้นส่วนยังอยู่ครบน่ะช่วงนี้การ(เXXXXXXXXXXเซ็นเซอร์เดี๋ยวไม่ได้มาคุยด้วยไม่รู้ด้วยนะพี่น้อง)ครับอย่าเครียตมากน่ะครับหาเวลาผ่อนคลายกันบ้านน่ะ วันนี้มีสาระเล็กน้อยถ่ายทอดให้มิตรรักทุกคนกั๊บ วันนี้เรื่อง ระบบฟอกอากาศครับผม1.ระบบแผ่นฟอกอากาศหรือตะแกรงประจุที่อยู่ภายในเครื่อง2.ระบบแผ่นอนุภาคไฟฟ้าออกมานอกเครื่องแบ่งเป็น2.1 พ่นอนุภาคไฟฟ้า - เพียงอย่างเดียว2.2 พ่นอนุภาคไฟฟ้า - และ + ทั้งคู่ระบบแผ่นฟอกหรือตะแกรงประจุที่อยู่ภายในเครื่องจะดีสำหรับการดักจับฝุ่น ควัน เพราะจะถูกดูดเข้ามาภายในเครื่อง แต่ก็จะไม่ได้ผลในกรณีที่ผู้ใช้แอร์ยอมไม่เปลี่ยนแผ่นฟอกอากาศหรือทำความสะอาดแผ่นประจุบ่อยๆ สำหรับเชื้อโรคบางชนิดก็สามารถถูกจับได้เหมือนกันแต่ก็ติดปัญหาที่ว่ามันไม่ตายและสะสมอยู่ในเครื่อง สังเกตุได้จากการมีกลิ่นอับชื้นตอนเปิดแอร์ ซึ่งเป็นกลิ่นอับชื้นมาจากเชื้อราภายในเครื่อง สามารถทำให้คนเกิดอาการภูมิแพ้ได้ เช่นจาม คัดจมูก หนัหหน่อยก็พัฒนาเป้นโรคหอบหืดระบบพ่นอนุภาคไฟฟ้า + และ - ออกมาจากเครื่อง (ระบบพลาสม่าคลัสเตอร์)จะมีผลไปฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อไวรัส ที่ลอยในอากาศในห้อง ทุกซอกมุม หรือไปเจอกลิ่นอับชื้นที่ไหน ก็จะสลายกลิ่นเหล่านั้นให้หมดไปจากโลก ลาสุดค้นพบว่าพลาสม่าคลัสเตอร์ สามรถสลายสารก่อภูมิแพ้จากตัวไรฝุ่นได้ ประสิทธิภาพเหล่านี้ถูกรับรองจากสถาบันวิจัย นานาชาติ 8 แห่ง ส่วนผู้ที่ควรใช้ระบบฟอกอากาศมีดังนี้1. ผู้ที่มีโอกาสหรือเป็นโรคภูมิแพ้2. เด็ก ทารก เพราะมีภูมิคุ้มกันต่ำ3. ผู้สูงอายุเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และควบคุมระบบขับถ่ายไม่ได้4. ผู้สุบบุหรี่ หรือ ผู้อยู่ใกล้5. ผู้ที่เป็นหวัดบ่อยๆ 6. คลีนิค โรงพยาบาล ห้องอาหาร คาราโอเกะ ต่างๆวันนี้ฝากสาระแค่นี้กั๊บ
วันพุธ, 03 กันยายน, 2008

ขยันจริงนะเด็กหนองมนเหนอุ้มลูกครายหนะใน ไฮไฟฮิฮิ...... อ๋อลูกตัวเองเหลอ

ประชาสัมพันธุ์ร้านอาหาร-งานเลี้ยงครั้งที่ 2

เพื่อนๆชาว NEC ผมขอประชาสัมพันธุ์ถึงร้านอาหารที่พวกเราจะไปในงานเลี้ยงของรุ่นเราในครั้งที่ 2 มาให้ทราบทุกคนด้วยครับ ชื่อร้านอาหารเดอะซี ที่ห้อง V 1 ห้องจะเปิดให้ตั้งแต่เวลา 16.00 น. ชื่อที่จอง ไพบูลย์ ครับผมเองต้องขอฝากเป็นเอกสารมาให้ครับ และขอเชิญชวนเพื่อนๆที่ยังไม่ได้ส่งรายชื่อเข้ามาให้รีบแจ้งด้วยครับ อัพเดทครับ เพื่อนที่จะมาเพิ่ม 1. ประยุทธ 2. สันติ 3. คณิศร์ 4. วีระพล 5. อัครัช 6. เกรียงไกร 7. ชูศักดิ์ 8. ? ไม่ทราบว่าเพื่อนๆที่เหลือช่วยส่งข่าวมาด้วยแล้วเจอกันที่งานเลี้ยงเลยนะครับ....

tong - ga กล่าวว่า...
ดีนะที่วันเสาร์ไม่ได้ทำงาน จะไปตั้งแต่ห้องเปิดเลย ถึงห้องก่อนมีสิทธิ์ก่อน ดีม๊ะ


tong - ga
วันพฤหัสบดี, 04 กันยายน, 2008


เอายังงั้นหรือลูกตอง เอาเสื่อเอามุ้งหมอนมาด้วยนะ 55555..แป่ว


^^^aaAAaa^^^^pattaya กล่าวว่า...
เห็นภาษาเขียนแล้ว สุดยอดเลย ถ้าได้เห็นตัวจริงถึงกะผงะ
คนอารายวัยสะรุ่นได้ใจจริงๆๆ อย่างว่าพี่เค้าก๊อบลูกชายมาเต็มๆ สิทธิ์ที่ได้คืออะไร เห็นนู๋ตองบอกว่าถึงก่อนมีสิทธิ์ก่อน อยากรู้จังมันคือ...อะไร.
วันพฤหัสบดี, 04 กันยายน, 2008


มันก็สิทธิของเธอเป็นที่รักของใครต่อใคร... ฮั่นแน่ครวญเพลงของพี่ป้อมมาซะเลย สิทธที่ไปถึงก่อนก็จ่าย 2เด้งเอ้ยไม่ใช่!!!! ไปก่อนก็ร้องเพลงก่อนไง นู๋เอ๋จาได้ไม่ต้องแย่งไมค์กับใครแถมยัง Request เพลงที่ต้องการก่อน ฮิฮิ


Nong Muk^^ กล่าวว่า...
รับทราบคะ ร้านอยู่ใกล้บ้านดีจริงๆต้องไปตีซี้กะเด็กเสริฟก่อนละเผื่อเขาจะเปิดห้องให้ตั้งแต่บ่ายสามโมงจะได้เรียกดิแก๊งของมุกมาก่อน อิอิงานนี้ต้องเตรียมตังค์ไปกี่หมื่นคะร้านนี้แพงมากอ่ะ..เริ่มเหงื่อตก ฮือๆ
วันศุกร์, 05 กันยายน, 2008


แว็บมาสเตอร์ (แว็บจริงๆด้วย)


กินกินไปเถอะ อเมริกันแชรอยู่แล้ว เหล้าบุหรี่ไม่แชรนะจ๊ะ ใครจาเติมมาเร็งตับมาเร็งปอดก็เติมคนเดียวเน้อ แฮะแฮะสมาชิกคอมเม้นท์มาครับวันศุกร์, 05 กันยายน, 2008 เวลา 23.11 น.


ต้องขออภัยด้วยครับคุณ clean-bigboss ที่ไม่ได้เปิดคอรั่มใหม่ให้เพราะว่าเดี๋ยวจะมีเพื่อนๆชาว NEC บางคนเพิ่งจะเข้ามาดูเวบไซต์ของเราครับเพราะว่าผมได้บอกไปว่าให้เข้ามาดูที่อยู่ร้านอาหารที่พวกเราจะไปสังสรรคกันครับผมเกรงว่าเดี๋ยวเพื่อนเราที่เป็นมือใหม่หัดขับ (เอ้ยไม่ช่าย)มือใหม่หัดเล่นเน็ตจาหาหน้าที่มีที่อยู่ของร้านอาหารจะหายไปจากหน้าปัจจบันที่เราดูอยู่ครับถ้าเพิ่มคอรั่มใหม่จะทำให้หน้าเวบปัจจบันจะหายไปครับ


clean-bigboss กล่าวว่า...



อีกแล้วก๊าบ ผมธนัช เด็กหนองมน ขอขอบคุณคนที่ชมแต่ไม่เอ๋ยนามกับสาระดีๆที่ส่งให้เพื่อนๆได้ลับสมองเล็กน้อยครับ แซวหน่อย ที่น้องตองบอกช่วยเคลียรืข้อกังแขนหน่อย ที่ว่าถึงก่อนมีสิทธิ์ก่อนน่ะ ส่วนขอชมพี่ไพบูลยนำรูปลูกสาวผมมาลงก๊าบ ค่อนข้างจะคล้ายน่ะ (ทำมากับมานิ) ช่วงนี้เพื่อนสมาชิกมาส่งข่าวมากขึ้นเรื่อยๆน่ะ ดีครับจะได้มีสาระเพิ่มมากขึ้น พี่ประเสริฐแก๊งดาวกระ___เป็นไงบ้างครับ แกเข้มมากเลย เจ๊เหมียวแกก็หายป่านนี้คงเอาผ้าเหลืองคาดหัวแย้วๆอยู่หน้าเวทีมั๊งส่วนคุณประยุทธแกลงรายชื่อมาเป็นคนแรกนั้นไม่รู้จะมาหรือเป่า น่าจะช่วยคนทางบ้านขายของมากกว่า วันนี้ฝากสาระเล็กน้อยจะได้ไม่เคลียตกันยิ่งช่วงนี้บ้านเมืองก็เคลียตมากอยู่แล้ว ทำไมต้องล้างแอร์ล่ะเสียกะตังค์เป่าๆช่วยเคลียร์ให้หน่อย เอาตังค์ไปซื้อโค๊กกินจะอิ่มกว่ามั๊งปัจจุบันมลภาวะทางอากาศเช่น ฝุ่นละออง ควันพิษ เพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆเช่น เมืองหลวงของเรา เป็นต้น แน่นอนมลภาวะเหล่านี้ไม่เป็นผลดีทั้งต่อมนุษย์และเครื่องใช้ โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศ ที่แทบทุกบ้านใช้กันอยู่ หลายๆสาเหตุของแอร์เกิดจากเพียงแค่แอร์สกปรกหรือแอร์ตันจากการสะสมของฝุ่นละอองเท่านั้นซึ่งเป็นเพียงแค่ปัญหาเล็กๆแต่ถ้าปล่อยไว้นาน ปัญหาเล็กๆ ก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ หรือเป็นจุดเริ่มต้นของแอร์เสียได้ ยิ่งทิ้งไว้นานก็ยิ่งลุกลามจนอาจจะต้องเปลี่ยนแอร์เนื่องจากไม่สามารถเยียวยาได้ นี่ก็คือสาเหตุที่ทำไมต้องล้างแอร์ นั่นก็คือเราจะเสียเงินค่าบำรุงรักษาแอร์น้อยกว่าการเสียเงินเพื่อซ่อมแซมแอร์นั่นเองรวมทั้งค่าไฟฟ้าด้วยโดยปรกติบ้านเรือนทั่วไปที่มีเครื่องปรับอากาศ ควรจะบำรุงรักษาโดยการล้างแอร์เต็มระบบเป็นประจำอย่างน้อยปีล่ะ 1-2 ครั้งหรือปีละ 3-4 ครั้ง สำหรับบ้านเรือนที่อยู่ติดถนนหรืออาคารสำนักงานที่มีเครื่องปรับอากาศเต็มที่เป็นเวลานานๆ เอาล่ะวันนี้เบาๆก่อนน่ะอาจจะไร้สาระบ้างนิดหน่อยคราวหน้าจะมีสาระดีๆแบ่งปันให้เพื่อนๆใหม่ครับผมนายธนัช เด็กหนองมนสวัสดีครับขอบคุณพี่ไพบูลย์ที่ช่วยเผยแพร่สาระต่างๆของผมให้กับเพื่อนทุกๆคนครับ
วันศุกร์, 05 กันยายน, 2008


ด่วน !!!!!



ข่าวประชาสัมพันธ์ !!



รับสมัครคนล้างจาน..รายได้ดี



สถานที่ทำงานตรงหนองงูเห่า (โฮ่งๆ)



ค่าแรงวันละ 8,000 บาท ย้ำวันละ แปดพันบาทครับ ??



( ล้างจานนี่นะ ) น่าทำกว่าล้างแอร์ นิ ***เด็กหนองมน สนอ๊ะป่าว??



ล้างแค่วันละ 1 ใบก๋อเสร็จงาน.... ชักสนแฮะ!!



ไม่จำกัดวุฒิแต่จำกัดอายุนิดหน่อย ไม่ต้องมีประสพการณ์



มาสมัครปุ๊บรับปั๊บเลย !!!



รับจำนวนจำกัดครับ...มาก่อนก็ได้งานก่อน



?? เอ...ชักสงกะสัยแล้วล้างจานอาไรค่าแ


รงวันละ แปดพันบาท



? ล้างวันละ 1 ใบก็เสร็จงาน



?? ไม่จำกัดวุฒิ ไม่ต้องมีประสพการณ์



?? สมัครปุ๊บรับปั๊บเลย



?? เพ่..เพ่..ล้างจานอารายเนี่ยถึงได้ง่ายจัง..



แฮะแฮะ..ล้างจานดาวเทียมที่สนามบินสุวรรณภูมิอ๊ะ.5555+++


( โจ๊กคลายเครียต : จาก ถนัด เด็กหนองงูเห่า ..โฮ่งๆ )


เสาร์ที่ 6/09/2551 . เวลา 21.00 น.



Nong Muk^^ กล่าวว่า...
อยากเห็นหน้าเว็บมาสเตอร์อ่ะทำไมใช้แท็ก HTML ไม่ได้ตั้งหลายแท็กคะตอบหน่อย อยากรู้ๆๆ



วันเสาร์, 06 กันยายน, 2008 เวลา 21.30 น.



นอนดึกจริงๆนะ

Nong Muk^^

แว็บมาสเตอร์ก็ยังไม่นอนเหมียนกันเน่อขออภัยภาษาปะกิดไม่ค่อยคล่อง.....



ขออนุญาตแปลภาษาปะกิดหน่อยเน่อ



H = Holidays



T = Tea Time



M = Movie



L = Landing แล้วมันเกี่ยวกันไม้เนี่ย555


หวาดเสียว
วันเสาร์ 06/09/2551 เวลา 21.45 น.


Nong Muk^^ กล่าวว่า...

ตอบนอกเรื่องจริงๆเล้ย...ไม่เชื่อหรอกว่าไม่รู้จักภาษา HTML(Hypertext Markup Language ต่างหากเล่า ชิ)ใช้ได้ไม่กี่แท็กอ่ะ ไม่สนุกเลย

วันอาทิตย์, 07 กันยายน, 2008 เวลา 19.05 น.


แว็บมาสเตอร์

จาให้แปลอีกไม้เนี่ย HTML เดี๋ยวลุงก็พาออกทะเลหร๊อกกกกก 555

วันอาทิตย์, 07 กัยยายน, 2008 เวลา20.44. น.

ครับต้องขออนุญาตท่านที่โพสข้อความขำกลิ้งมาครับ
สนุกจริงๆ สนใจคลิกเข้าไปดูที่ฝากข้อความด้านล่างนี้ครับ เซ็นเซอร์หน่อยเน่อ!!!

วันจันทร์ที่ 8/09/2551 เวลา 13.00 น.

tong-ga กล่าวว่า...

อยากเปลี่ยนอ่ะ ไม่ชอบสีเขียวเลย มันดูแก่นะ ชมพู ฟ้า ม่วงอ่อน ได้ม๊ะ ขอร้อง

วันพุธ, 10 กันยายน, 2008

แว๊บมาสเตอร

ทำยังกับเป็นหน้าต่างที่บ้านตัวเองเลย ณ จะได้เปลี่ยนสีผ้าม่านได้บ่อยๆ

ขอบใจที่แวะมาโพสบ่อยๆ ณ เดี๋ยวจะลองเปลี่ยนดู แต่ว่า เอ..ไอ้สีม่วงๆหนะมันเป็นสีคนอื่นไม่ใช่หรือครับ

วันศุกร์ที่ 12-กันยายน - 2551 เวลา 20.48 น.