วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เฉลิมพระชนม์พรรณษา ๕ ธันวามหาราช


ทีฆายุโก โหตุ มหาราชา
:
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า คณะ NEC ม. บูรพา รุ่น 11/2551

วันพุธที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2551

กำแพงของหัวใจ

:: ในสภาวปัจจุบันนี้สังคมและธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงกันมากจึงทำให้เราชาว NEC
ที่ทำธุรกิจอยุ่ต้องประสพกับปัญหาไปด้วยกันทุกคนขอให้ทุกคนใช้สติในการพินิจ
พิเคราะห์หรือตัดสินใจในการดำเนินธุรกิจต่อไปและสำหรับเพื่อนๆที่กำลังมองหาธุรกิจ
ใหม่ๆที่จะทำก็ขอให้ตัดสินใจให้ดีๆด้วยครับเพราะว่าทุกคนก็ได้ผ่านหลักสูตรของการ
อบรม NEC มาแล้วโดยขอให้ใช้หลักการที่เราได้รับการอบรมมาให้เป็นประโยชน์ให้
มากที่สุดผมคิดว่าจะนำพาท่านที่จะทำธุรกิจได้ประสพผลสำเร็จ ส่วนใครที่กำลังจะทำ
คือว่าจะทำอยู่เรื่อยๆคือว่าจะไม่เสร็จนั้นต้องขอฝากนิทานเรื่องนี้มาให้ได้คิดกันครับ
ผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่จะตัดสินใจทำธุรกิจใหม่ๆ

::ขอให้ทุกท่านโชคดีมีเงินใช้ทุกคนครับ::
>> จากเว็บมาสเต้อร์<<

: กำแพงของหัวใจ :

: ผู้หญิงคนหนึ่ง อาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กๆน่ารักหลังหนึ่งริมทะเล กับสามีของเธอ

บ้านหลังนี้มีหน้าต่างอยู่บ้าง แต่ด้านที่หันเข้าหาทะเล กลับไม่มีหน้าต่างเลย
มีแต่กำแพงเก่าๆหนาๆอันหนึ่งตั้งอยู่ ผู้หญิงคนนี้เคยเอ่ยขึ้นมาว่า
"ถ้าเราทลายกำแพงนี้แล้วสร้างเป็นหน้าต่าง ก็คงจะทำให้รับลมทะเลอันสดชื่นได้เยอะเลย"
แต่สามีของเธอบอกว่า

"บ้านหลังนี้เก่ามากแล้ว ถ้าเราทลายกำแพง อาจทำให้บ้านทั้งหลังพังลงมาก็ได้"
ผู้หญิงคนนั้นเชื่อฟังสามี และก็ได้แต่เก็บความคิดอันนั้นไว้ในใจ
เธอคิดว่าที่เขาพูดก็คงมีเหตุผลที่ดี บ้านที่เก่าแล้วเราไม่ควรเปลี่ยนอะไรมาก

วันหนึ่ง สามีของเธอมาตายจากไป เธอต้องเผชิญหน้ากับการเป็นหม้าย
การที่ต้องอยู่คนเดียว เธอไม่รู้จะทำอะไรกับชีวิตใหม่นี้
ไม่กล้าที่จะทำอะไรเลยสักอย่าง
เพราะเธอไม่แน่ใจว่าการเปลี่ยนแปลงมันจะทำให้เธอต้องเผชิญกับอะไรบ้าง
ถ้าเธอออกจากบ้าน ไปหางานทำ ไปสร้างสังคมใหม่ ชีวิตของเธอจะพลิกผัน
ไปเจอกับอะไรบ้างก็ไม่รู้ เธอจึงได้แต่อยู่นิ่งๆ ปล่อยให้วันคืนผ่านไป
โหยหาอยากให้อดีตกลับคืนมา อยากให้วันคืนเดิมๆย้อนมา
ทั้งๆที่ก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ในช่วงเวลาเหล่านั้น เธอมักจะฝัน
เธอฝันบ่อยๆว่าเธออยากจะทลายกำแพงฝั่งที่ติดทะเลนั้น
เธอเตรียมอุปกรณ์ไว้พร้อม แต่ก็ลังเล ไม่กล้าที่จะทำเสียที เพราะกลัวว่าบ้านจะพังลงมา
และทุกครั้งที่เธอตื่นนอน เธอก็จะมาด้อมๆมองๆที่กำแพง
ใจหนึ่งก็อยากจะพังมันให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่อีกใจหนึ่งก็ยังนึกถึงคำที่สามีบอก
"บ้านมันเก่ามากแล้ว เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอก"
และในที่สุด เธอก็อดรนทนไม่ไหว เธอเล่าความฝันให้เพื่อนบ้านของเธอฟัง
เพื่อนบ้านของเธอเป็นหนุ่มสาวนิสัยดีคู่หนึ่ง เมื่อพวกเขาได้ฟังดังนั้น
ก็ไม่รอช้า รีบคว้าอุปกรณ์ต่างๆแล้วมุ่งหน้ามาที่บ้านเธอ
พวกเขาลงมือทลายกำแพงนั้นทันที ในขณะที่หญิงเจ้าของบ้านพร่ำอุทานด้วยความหวาดกลัว
"ทำแบบนี้จะดีเหรอคะ"
"บ้านอาจจะพังลงมาก็ได้"
"นี่ฉันกำลังปล่อยให้พวกคุณทำอะไรกันอยู่ ฉันบ้าไปแล้วรึเปล่า"
แต่เพื่อนบ้านผู้แสนดีของเธอก็ยังคงลงมือพังกำแพงต่อไป แล้วก็บอกกับเธออย่างอ่อนโยนว่า
"บ้านของคุณจะปลอดภัยดี ไม่ต้องห่วง"
และในที่สุด กำแพงนั้นก็พังทลายลงมา และบ้านของเธอก็ยังยืนหยัดอยู่อย่างสบาย
สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปก็คือ ลมเย็นๆแสนสดชื่นจากชายทะเล ที่พัดเข้ามาในบ้านเธอได้ตลอดวัน
ตอนนี้ ผู้หญิงคนนี้ได้เข้าใจแล้วว่า การเปลี่ยนแปลงไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวขนาดนั้น บ้านของเธอ
และตัวของเธอ ไม่ใช่สิ่งที่เก่าเกินกว่าที่จะเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งบ้านของเธอ และตัวของเธอเอง
เข้มแข็งพอที่จะรับสิ่งใหม่ๆ ถ้าเพียงเธอกล้าพอที่จะยอมให้สิ่งใหม่ๆนั้นเข้ามา
คุณล่ะ มีกำแพงแบบนี้อยู่ในชีวิตของคุณบ้างไหม มีบางสิ่งบางอย่างรึเปล่า
ที่ลึกๆในหัวใจเรียกร้องอยากจะทำ แต่คุณก็ไม่ยอมทำเสียที เพราะมัวแต่คิดว่า
นั่นมันไม่ใช่ฉัน ไม่ใช่ชีวิตแบบที่ฉันรู้จัก
ไม่ใช่สิ่งที่ฉันวางแผนไว้ว่าจะทำ คุณกลัวว่าเจ้าสิ่งใหม่ๆอันนั้นจะ
ทำให้ชีวิตที่คุณสร้างมาดิบดีจะต้องพังทลายลง คุณกลัวที่จะต้องออกจากความคุ้นเคยเก่าๆ
ออกจากชีวิตแบบเดิมๆที่คุณรู้จักดีมาตลอด
ทลายกำแพงนั้นลงเถอะนะ แล้วปล่อยให้สายลมแห่งความสุขพัดเข้ามาในชีวิตของคุณ
"อย่าติดกับวันที่ดีเก่าๆ อย่าอยู่กับความคุ้นเคยเก่าๆ อย่าให้วันคืนที่ดีเก่าๆมันทำร้าย
เปิดดวงใจของเธอค้นหา สิ่งที่เธอนั้นคอยไขว่คว้า ให้เวลารักษาและพาให้พบ....กับวันใหม่"

.....ขอให้ความดีคุ้มครอง.....
.....ขอให้บุญรักษา.....
.....ขอให้ทุกท่านจงประสพแต่สิ่งดีๆในการทำธุรกิจ.....

งานเลี้ยงสังสรรค์ ครั้งที่ 3 (ของฝากเพื่อสุขภาพ)

สวัสดีครับเพื่อนๆ NEC รุ่น 11/2551 ทุกท่านต้องขอโทษที่มาอัพเดทข้อมูลช้าไป
หน่อย ครับเพราะว่าอากาศเปลี่ยนแปลงเลยทำให้ไม่ค่อยสบายครับเมื่อหายดีแล้วจึงได้มา
อัพเดทข้อมูล ให้เพื่อนๆเราได้รับทราบครับ วันที่ 29 พ.ย. 2551 เป็นวันนัดเลี้ยงสัง
สรรค์ของเราตาม ปรกติแต่ต้องขอบอกว่าน่าใจหายเล็กน้อยครับคือว่าสมาชิกกลุ่มของเรา
ไม่มาในงานหลายท่าน ด้วยกันจึงทำให้งานกร่อยไปมากเลยครับโอกาสหน้าผมคิดว่าน่า
จะมีคนมามากกว่านี้ครับและ ผมเองด้วยความรีบก็ได้ลืมกล้องถ่ายรูปไปด้วยเลยไม่ได้เก็บ
ภาพบรรยากาศมาให้ชมกันครับ งานนี้พี่เสริฐมากับคุณเกรียงไกรจากระยองมาก่อนเลย
ครับพี่เสริฐบอกว่างนนี้ขาดความอบอุ่น ไปมากครับงานหน้าต้องขอให้เรามากันมากกว่า
นี้ครับในงานมี ไพบูลย์ อนุชัย โสภณ วิกานดา
วุฒิชัย ตรีรัตน์ พี่เสริฐ จักรกริช เกรียงไกร วรกันต์

::และด้วยสภาวอากาศที่เปลี่ยนแปลงทำให้มีโอกาสเจ็บไข้ได้ป่วยไม่สาบย
จึงขอฝากตำรับตำรายาจากสมุนไพรที่ดีและมีประโยชน์มาให้ครับ::

. ยามะตูมนิ่ม ( ยาลูกแปลกแม่ )

ตำนานมะตูมนิ่ม หลวงรัตนะพิม พานุรักษ์เล่ามา
จักได้เริ่มเรื่อง เรียบเรียงบรรณนา ของเก่าเล่ามา
เร่อร่าน่าชัง ยาลูกแปลกแม่ เจ้ากรมครุธแก่
เล่าเรื่องให้ฟัง ว่าชายหนึ่งได้ มะตูมนิ่มขลัง
สมดังใจหวัง

ผลหนึ่งทำยา กล้วยน้ำไทเพิ่ม หวีหนึ่งเทียวนา
พริกไทยเท่ายา ว่าเต็มทะนาน นึ่งขึ้นด้วยกัน
มะตูมเชือดหั่น

กล้วยน้ำปอกฝาน พริกไทยในห่อ เอาคลุกคุลีการ
ย่อยให้แหลกนาน ทำแผ่นตากเรียง แห้งแล้วลงครก
ป่นแหลกสิ้นเสียง
ยกโถตั้งเคียง น้ำผึ้งคลุกเท เสร็จแล้วเก็บไว้

บุรุษนั้นไซร้ ไปเที่ยวเตร็ดเตร่ บ้านอื่นเมืองไกล
เที่ยวไถลโยเย ยากเย็นแก่นเก ยังไม่กลับมา

แม่อยู่ข้างนี้ เห็นนานเต็มที ลูกไม่กลับมา
เดินไปในเรือน พบแต่โถยา นี่ของลูกข้า
ทำไว้กินดู

โรคภัยหายสิ้น กายินเฟื่องฟู คนอื่นแลดู
เคลิ้มแปลกตาไป ที่เคยล้างหน้า บ้วนปากลงไป
หญ้าที่นั้นไซร้ งอกงามผิดตา
โคหนึ่งเขาปล่อย แก่ผอมชรา เที่ยวซัดเซมา
พบหญ้าสดงาม โคกินหญ้าไซร้ โรคโคก็หาย

ร่างกายควรการ คล้ายกับโคหนุ่ม เรี่ยวแรงอาจหาญ
หญิงนั้นเห็นพยาน กินยาร่ำไป ทุกวันจนหมด
ที่เหี่ยวแห้งสลด กลับฟูผ่องใส วรรณะคล้ายหญิง
แรกรุ่นเจริญวัย

ฝ่ายบุตรเที่ยวไป นานแล้วกลับมา มารดาแปลกบุตร
บุตรแปลกมารดา ต่อพูดเจรจา นานจึงรู้กัน
เมื่อบุตรกลับมา อายุคณนา หมื่นแปดพันวัน
มารดาว่าสัก สองหมื่นหกพัน เล่าว่าบุตรนั้น
แก่กว่ามารดา
บุตรแปลกใจถาม เรื่องความมารดา โถยาของข้า
ไปไหนใครกิน มารดาเล่าว่า แม่พบโถยา
เปิดขึ้นหยิบกิน บ้วนน้ำลงไป ถูกในแผ่นดิน หญ้างามโคกิน
หายโรคอ้วนพี แม่เห็นอัศจรรย์ จึงได้สำคัญ
ว่ายานี้ดี กินไปจนหมด กายสดเปร่งศรี
ก่อนซูบกลับพี อาหารเพิ่มพูน

ครั้นกาลล่วงมา บุตรนั้นชรา สิ้นชีพดับสูญ
มารดาอยู่มาก กว่าบุตรเจ็ดคูณ กำหนดด้วยสูญ
หลายจุดหลายเรียง เขาเล่าสืบมา ไม่เห็นด้วยตา
ต้องว่าซ่อนเสียง พูดไม่เต็มปาก ยากจักเรียบเรียง
ผู้อ่านจักเถียง กล่าวโทษโจทก์ทาย ฯ
::
::

นิทานหนึ่งนั้น เขาพูดเล่ากัน ณ ราชวังใน
แสดงคุณยา นำมาแถลงไข ว่าผู้หนึ่งได้

เป็นเช่นนี้มา มิได้เจ็บไข้ อยู่กับภรรยา
อาการกริยา กลายเป็นพระไป อยู่กับเมียนั้น
เหมือนพี่น้องกัน ดังนี้เป็นได้ หลายปีเดือนนาน
รำคาญเหลือใจ ตรอมจิตคิดไป เคืองคับอุรา
นึกจักไปบวช เสียดายภรรยา หวนไปหวนมา
โกรธแค้นร่างกาย ไม่ได้ดังจิต จำนงนึกหมาย
กำลังเสื่อมคลาย เดือดร้อนเสียใจ วันหนึ่งเพื่อนเกลอ
มาเยี่ยมแต่ไกล พูดจาปราศัย ถามถึงร่างกาย
ว่าเกลอเป็นไร ดูไม่สบาย เจ้าขุนมูลนาย
เบียดเบียนบีฑา
หรือเจ็บป่วยไข้ ร่างกายกายา คล้ำดำผิดตา
สุขทุกข์อย่างไร
ชายนั้นจึงเล่า ว่าตัวข้าพเจ้า ไม่เจ็บอันใด
แต่กายพิการ รำคาญเหลือใจ เรี่ยวแรงหมดไป

ทนทุกข์ทรมาน แรงกายหายหมด แต่จิตอาจหาญ
ดังนี้มานาน เดือดร้อนเหลือทน อยู่บ้านเหมือนวัด
สารพัดขัดสน
แม้นเมียของตน เหมือนพี่น้องไป
อะไรบันดาล รำคาญโตใหญ่ ขอเกลอจงได้
รู้แจ้งเรื่องความ ฯ

ฝ่ายเกลอได้ฟัง อาศัยกำลัง กรุณาไปตาม
บอกยาแล้วว่า เจ้าอย่าเข็ดขาม กินสองสามชาม
จักหายโรคภัย
กำลังกายา จักมาโตใหญ่ ต้มกินให้ได้
เปลือกพญาช้างดำ กำหนดจดไว้ จงได้หาทำ
ยานี้ดีล้ำ เขาเรียก ตะโกนา ฯ

ขนานหนึ่งนั้น พระยาฉัตรทันต์ ช้างป่าช้างบ้าน
สองสิ่งเปลือกสับ น้ำผึ้ง นำมา แช่ไว้ไม่ช้า
ออกแล้วกินไป ยานี้ดีขลัง กำลังมากใหญ่
ทำกินให้ได้ จักหายโรคา ฯ

ครั้นเกลอไปแล้ว ชายนั้นแสวงหา ได้เปลือก ตะโกนา
ต้มกินรินไป หายโรคกำลัง มากมายเจริญใหญ่
ยิ่งกว่าเก่าไป เป็นสุขสำราญ ฯ
( ได้ไปแล้วอย่าหักโหมมากเน่อ )