วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551

สานสัมพันธ์ - งานเลี้ยง NEC รุ่น 11 ครั้งที่ 2

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา..... !!

แต่ความรุ่งเรื่องจะกลับมาสู่พวกเราชาว NEC.....

ครับกับสำนวนกำลังภายในที่คุ้นเคยต้องขอนำมากล่าวเพิ่อเป็นคำนิยมในงานเลี้ยงสังสรรค์ของพวกเราชาว NEC รุ่น 11 งานนี้เป็นการสานสัมพันธ์ของกลุ่มที่เป็นชาว NEC ในภาคตะวันออกก็ได้นะครับ ผมเองกับท่านประธาน NEC รุ่นที่ 2 ของ ม. บูรพา คือคุณอนันต์ ได้เคยคุยกันว่าเราน่าจะมีการรวมกลุ่มของชาว NEC ในภาคตะวันออกด้วยกันโดยเฉพาะ NEC ที่มาจาก ม. บูรพาด้วยกันแล้วเราน่าจะเริ่มมีการสานสัมพันธ์โดยมีการรวมกลุ่มนัดทั้งสามรุ่นของปี พ.ศ. 2551 มาให้ได้รู้จักกัน และทำให้ในอนาคตจะเป็นกลุ่ม NEC กลุ่มแรกที่มีการรวมตัวกันและมีสมาชิกที่มีจำนวนมากและหลากหลายในอาชีพและธุรกิจ ที่อาจจะเอื้อต่อกันได้ โดยที่ทุกคนจะได้มีการติดต่อกันง่ายขึ้น ด้วยเจตนารมภ์ที่ดีและมีประโยชน์ตรงกันผมจึงได้เชิญคุณ อนันต์มาเป็นแขกให้กลับกลุ่มของเราและยังมีเพื่อนๆที่เป็นชาว NEC ด้วยกัน 2 ท่านมาเป็นแขกด้วยครับ คุณ สหนันท์ และคุณ วิชานนท์ จาก NEC ม.เกษตรบางพระ ต้องขอขอบคุณทั้งสามท่านจริงๆที่มาในวันนั้นครับ


ในส่วนพวกเราเอง NEC รุ่น 11 อีกหลายคนที่ไม่ได้มาในงานเลี้ยงวันนั้นผมเองก็คงจะหวังที่จะได้เจอพวกเราอีกในครั้งต่อๆไป ขอให้คิดถึงเพื่อนและขอให้ได้มาพบปะเจาะเจอกันให้พร้อมหน้ากันมากกว่านี้เพราะว่าเรายังเป็นเพื่อนและเป็นพี่น้องที่มีความคิดที่ตรงกันและพร้อมที่จะเดินไปด้วยกัน จะได้เป็นต้นแบบที่ดีให้กับกลุ่มอื่นๆที่ดูเราอยู่ต่อไป บรรยากาศภายในงานคงต้องฝากรูปแทนคำพูดว่าสนุกมากครับ แล้วพบกันใหม่ในงานเลี้ยงครั้งที่ 3 ครับ....

และก็ยังเหมือนเดิมครับฝากถึงพื่อนๆที่ยังไม่ค่อยจะได้เข้ามาดูและใช้เว็บไซต์ของพวกเราเป็นสื่อกลางสำหรับการได้เป็นศูนย์กลางเพื่อการพบปะและฝากความคิดถึงและความคิดเห็นมาถึงเพื่อนๆ

ป๋าเสริฐบอกว่างานเที่ยวนี้ได้ร้องเพลงคุ้มหน่อยเมื่อ 2 งานที่แล้วร้องไม่ทัน 55555



^^^นู๋เอ๋^^^มาแยววว ได้ฝากความคิดเห็นไว้

หวัดดีทุ๊กกกคนดีใจที่ได้เจอ NEC วันเสาร์ที่ผ่านมา และก็เสียใจเล็กน้อยที่ไปกันน้อยมาก นานๆเจอกันทีก็สนุกสนาน อย่างว่าต่างคนต่างมีภาระกิจด้วยกันทั้งนั้น บ้างก็ไม่สดวกมา บ้างก็ติดงาน,บ้างก็เดี๋ยวภรรยาบ่น,บ้างก็เดี๋ยวสามีด่า เกรงใจกันไปใครสดวกก็มาดีฝ่า สำหรับวันนี้เอาเรื่องสนุก สนุก คลายเครียดไปอ่านกัน


1 เรื่องผู้หญิงสามคนนั่งบนม้านั่ง กำลังกินไอติมดุ้นยาวอยู่
ผู้หญิงคนแรกเลียแท่งไอติม
ผู้หญิงคนที่สองกัดแท่งไอติม
ส่วนผู้หญิงคนที่สามดูดแท่งไอติม
ผมถามครูว่า ผู้หญิงคนไหนแต่งงานแล้ว"
ครูสาวมองหน้าเด็กชายต้น ถึงทำหน้าไม่ถูก
แต่หน้าครูสาวก็แดงระเรื่อขึ้น แล้วอึ้งไป
" ครู ครู ผมถามอีกทีก็ได้นะ
มีผู้หญิงสามคนนั่งบนม้านั่ง กำลังกินไอติมดุ้นยาวอยู่
ผู้หญิงคนแรกเลียแท่งไอติม
ผู้หญิงคนที่สองกัดแท่งไอติม
ส่วนคนที่สามดูดแท่งไอติม
ผมถามครูว่า ผู้หญิงคนไหนแต่งงานแล้ว"
" เอาอย่างนี้แล้วกันนะเธอ " ครูเริ่มกระซิบที่ข้างหูเด็กชายต้น
" ครูว่าผู้หญิงคนที่ดูดไอติมแท่งน่ะ เป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว "
" ไม่ใช่ครับครู คนที่แต่งงานแล้ว
คือคนที่มีแหวนแต่งงานสวมอยู่ที่นิ้วมือไงครับ"
เด็กชายต้นอมยิ้ม พร้อมกับพูดตบท้าย
" ถึงครูจะตอบไม่ถูก แต่ผมก็ชอบวิธีคิดของครูนะ "



เอาหละขำขำกันพอหอมปากหอมคอนะคะพี่น้อง สุดท้ายขอให้สมาชิกทุ๊กกกคนมีความสุขนะค่ะ

เขียนโดย ^^^นู๋เอ๋^^^มาแยววว ถึง กลุ่ม NEC ม. บูรพา รุ่น 11/2551 เวลา วันจันทร์, 15 กันยายน, 2008

BAMEE HITECH กล่าวว่า...


ขอบคุณมากค่ะ

พี่ไพบูลย์ที่เชิญไปเป็นแขกในงานเลี้ยงของรุ่น 11 ม.บูรพา รู้สึกดีใจอย่างยิ่งที่ได้รู้จักเพื่อนๆ ชาว NEC ทำให้เราได้มีเครือข่ายที่กว้างขึ้น และเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันในอนาคตต่อไป

ขอบคุณจริงๆค่ะ

น้องแบตมินตั้น

วันศุกร์, 19 กันยายน, 2008

2 ความคิดเห็น:

Sahanun กล่าวว่า...

ขอบคุณมากค่ะ พี่ไพบูลย์
ที่เชิญไปเป็นแขกในงานเลี้ยงขอ
รุ่น 2 ม.บูรพา รู้สึกดีใจอย่างยิ่งที่ได้รู้จักเพื่อนๆ ชาว NEC ทำให้เราได้มีเครือข่ายที่กว้างขึ้น และเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันในอนาคตต่อไป
ขอบคุณจริงๆค่ะ

น้องแบตมินตั้น

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

หวัดดีคับผมธนัช เด็ก หนองมนเสียดายที่ไม่ได้ไปงาน ช่วงนี้งานยุ่งมากเลย ต้องขอโทษพี่ไพบูลย์และพรรคพวกด้วย วันนี้ผมขอเสนอวิธีการประหยัดพลังงานของการใช้แอร์ ดังนี้ครับ
11 วิธีประหยัดค่าแอร์
11 วิธีประหยัดค่าแอร์โดยไม่ต้องลงทุน
11 วิธีต่อไปนี้ จะช่วยเราประหยัดพลังงานและพลังเงินของเราโดยไม่ต้องลงทุน หลายวิธีที่จะกล่าวถึงนี้ อาจเป็นวิธีง่ายๆ ที่เราคิดไม่ถึงหรือเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ถ้าเราพร้อมใจกันปฏิบัติอย่างถูกต้อง จะช่วยประหยัดพลังงานและค่าไฟได้อย่างไม่น่าเชื่อ
1. ปิดพัดลมระบายอากาศเมื่อไม่จำเป็น
ในห้องปรับอากาศมักติดตั้งพัดลมระบายอากาศไว้สำหรับระบายอากาศออกจากห้องปรับอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้องที่มีกลิ่นหรือควันจากการสูบบุหรี่ เมื่อมีการระบายอากาศออกจากห้อง ก็จะมีอากาศในปริมาณเท่ากันไหลเข้ามาในห้อง เพื่อทดแทนอากาศส่วนที่ถูกระบายทิ้งออกไป อากาศจากภายนอกที่ไหลเข้ามาแทนที่นี้ ทำให้เครื่องปรับอากาศต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อทำให้อากาศร้อนจากภายนอกที่เข้ามาเย็นลงจนเท่ากับอากาศภายในห้อง
พัดลมระบายอากาศนี้มีความจำเป็น หากเป็นห้องที่มีคนใช้งานมาก หรือมีกลิ่นจากเอกสาร, อาหาร หรือควันบุหรี่ แต่หากเป็นห้องที่มีคนใช้งานไม่มาก และไม่มีกลิ่นรบกวน ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดพัดลมระบายอากาศ ทั้งนี้เนื่องจาก โดยธรรมชาติจะมีอากาศรั่วซึมผ่านทางกรอบประตูหน้าต่างอยู่ในปริมาณหนึ่งอยู่แล้ว ซึ่งเพียงพอสำหรับใช้ในการหายใจ
นอกจากนี้ หากเป็นห้องประชุม ในขณะที่เปิดเครื่องปรับอากาศ เพื่อให้อากาศเย็นก่อนจะมีคนเข้าใช้ห้อง ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดพัดลมระบายอากาศ ให้รอจนมีคนเข้าใช้ห้องประชุมเป็นจำนวนมากก่อน จึงเปิดพัดลมระบายอากาศก็ได้
2. ตั้งปิดจอคอมพิวเตอร์ เมื่อไม่ใช้งาน
ในสำนักงานสมัยใหม่ มีการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์กันมากขึ้น ความร้อนจากเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นภาระมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับเครื่องปรับอากาศ เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหนึ่งเครื่อง จะปล่อยความร้อนออกมาโดยประมาณ 250 วัตต์ โดยส่วนใหญ่จะเป็นความร้อนจากจอมอนิเตอร์ประมาณ 180-200 วัตต์
โดยปกติแล้ว เครื่องคอมพิวเตอร์จะไม่ได้ถูกใช้งานตลอดเวลา ดังนั้นผู้ผลิตโปรแกรม จึงมีส่วนที่ให้ผู้ใช้สามารถตั้งโปรแกรมให้จอมอนิเตอร์ปิดโดยอัตโนมัติ เมื่อไม่ได้สัมผัสคีย์บอร์ด หรือเมาส์ในระยะเวลาหนึ่ง
สำหรับผู้ใช้ Window 98 การตั้งเวลาสามารถทำได้ ดังนี้
1. เลือก My computer
2. เลือก Control Panel
3. เลือก Power Management
4. ตั้งค่า Power schemes เป็น Home/Office Desk
3.ตั้งอุณหภูมิ 28C แล้วเปิดพัดลมเสริม
ความเย็นสบาย หรือความสบายเชิงความร้อน (Thermal Comfort) เกิดขึ้นได้จากการมีปัจจัยหลัก 3 ประการที่สมดุลกัน คือ
1. อุณหภูมิ
2. ความชื้นสัมพัทธ์
3. ความเร็วลม
หากต้องการระดับความสบายเท่าเดิม เมื่อปัจจัยหนึ่งเปลี่ยนก็สามารถเปลี่ยนปัจจัยอื่นเป็นการทดแทนได้
การตั้งอุณหภูมิในห้องสูงขึ้น จะประหยัดพลังงานได้ โดยปกติแล้วก็จะตั้งได้สูงสุดประมาณ 25-26 C มิฉะนั้นจะร้อนเกินไป
แต่ถ้าเราเปิดพัดลมช่วยเพิ่มความเร็วลมในห้อง เราจะสามารถตั้งอุณหภูมิได้สูงถึง 28-30 C โดยยังเย็นสบายเหมือนเดิม (มีระดับความสบายเชิงความร้อนเท่ากัน) โดยจะช่วยประหยัดพลังงานได้มาก
4. นำตู้มาตั้งชิดผนังด้านตะวันออกหรือตะวันตก
ผนังด้านที่มีความร้อนเข้ามามากทีสุดคือ ด้านตะวันออก และตะวันตก นอกจากความร้อนที่ผ่านผนังเข้ามาแล้ว เวลาที่แสงอาทิตย์ส่องถูกผนัง จะทำให้ผนังมีอุณหภูมิร้อนขึ้นมาก และจะแผ่รังสีความร้อนมาสู่ตัวคน ซึ่งจะทำให้คนรู้สึกร้อนขึ้น แม้อุณหภูมิในห้องจะเท่าเดิม ในห้องที่มีสภาพนี้จะต้องตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ประมาณ 21-22 C จึงจะรู้สึกเย็นสบาย แต่เป็นการสิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้น
การนำตู้ไปตั้งชิดผนัง จะช่วยป้องกันการแผ่รังสีความร้อนจากผนังได้ ดังนั้นจึงไม่ต้องตั้งอุณหภูมิต่ำกว่าปกติ ในห้องที่ผนังห้องไม่ร้อน การตั้งอุณหภูมิที่ 25 C ก็จะเย็นสบายเพียงพอ
นอกจากป้องกันการแผ่รังสีความร้อนจากผนังแล้ว การมีตู้ตั้งชิดผนัง ยังเสมือนว่ามีผนังหนาขึ้น จึงเป็นการช่วยลดความร้อนที่ผ่านผนังเข้ามาได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม การนำตู้ไปตั้งติดผนังห้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผนังด้านนั้นมีกระจกด้วย จะทำให้อุณหภูมิภายในตู้สูงกว่าอุณหภูมิห้อง ดังนั้น จึงควรระมัดระวังกรณีที่สิ่งของภายในตู้ไม่สามารถทนความร้อนได้
5. ปิดแอร์เมื่อไม่ใช้ และอย่าเปิดประตูหน้าต่างทิ้งไว้ในขณะปิดแอร์
ระบบปรับอากาศ (แบบน้ำเย็น) ใช้พลังงานประมาณ 1 หน่วยต่อตันต่อชั่วโมง ตัวอย่างเช่นเครื่องปรับอากาศขนาด 5 ตัน เปิดใช้งาน 4 ชั่วโมง จะใช้พลังงานไฟฟ้าประมาณ 1 x 5 x 4 = 20 หน่วย คิดเป็นเงินประมาณ 20 x 3 = 60 บาท (ค่าไฟเฉลี่ยประมาณ 3 บาทต่อหน่วย) ในอาคารทั่วไปๆ ค่าไฟฟ้าที่จ่ายไปกว่าครึ่งหนึ่งเป็นค่าไฟของระบบปรับอากาศ
การปิดเครื่องปรับอากาศเมื่อไม่ใช้ห้องปรับอากาศจะสามารถช่วยประหยัดพลังงานได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ
แต่ในขณะที่ปิดเครื่องปรับอากาศนั้น จะต้องไม่เปิดประตูหรือหน้าต่างทิ้งไว้ มิฉะนั้นความร้อนและความชื้นจากภายนอกจะเข้าไปในห้องปรับอากาศและจะสะสมอยู่ที่ พื้น, ผนัง, เฟอร์นิเจอร์, พรม, กระดาษ, ผ้าม่าน ฯลฯ เมื่อเปิดเครื่องปรับอากาศครั้งต่อไปเครื่องปรับอากาศก็จะต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อดึงเอาความร้อนและความชื้นนี้ออกไป ซึ่งจะเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานมากกว่าการเปิดเครื่องปรับอากาศอย่างต่อเนื่องเสียอีก
6. ย้ายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นออกนอกห้องปรับอากาศ
อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิดจะปล่อยความร้อนออกมา เท่ากับพลังงานไฟฟ้าที่อุปกรณ์นั้นใช้ ดังนั้น ภาระส่วนหนึ่งที่สำคัญของเครื่องปรับอากาศจึงเกิดจากอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ภายในห้องปรับอากาศ
หากเราสามารถลดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในห้องปรับอากาศโดยการย้ายออกไปตั้งไว้นอกห้องปรับอากาศได้ก็จะเป็นการช่วยประหยัดพลังงานได้
ตัวอย่างอุปกรณ์ที่มักมีอยู่ในห้องปรับอากาศแต่สามารถย้ายออกไปได้ เช่น
1. ตู้เย็น
2. ตู้ทำน้ำเย็น
3. เครื่องถ่ายเอกสาร
4. หม้อต้มน้ำร้อน หรือเครื่องชงกาแฟ
5. ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ
6. หม้อหุ้งข้าวไฟฟ้า
7. ฯลฯ
7. ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าและไฟแสงสว่างที่ไม่จำเป็น
เครื่องใช้ไฟฟ้าและหลอดไฟฟ้าแสงสว่าง จะปล่อยความร้อนเข้าสู่ห้องปรับอากาศ เท่ากับพลังงานที่อุปกรณ์ไฟฟ้าและหลอดไฟใช้ และความร้อนนั้นก็จะกลายเป็นภาระของเครื่องปรับอากาศ และต้องเสียพลังงานในการนำความร้อนนี้ทิ้งออกไปข้างนอกอีก
จะเห็นได้ว่า การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าหรือไฟฟ้าแสงสว่าง ในห้องปรับอากาศจะเป็นการเสียค่าไฟสองต่อ คือ
- เสียค่าไฟที่อุปกรณ์หรือหลอดไฟใช้
- เสียค่าไฟที่เครื่องปรับอากาศเพื่อนำความร้อนออกไปทิ้งนอกห้อง
ดังนั้น การปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าและไฟแสงสว่างที่ไม่จำเป็นในห้องปรับอากาศจึงเป็นการประหยัดสองต่อ คือ ประหยัดที่ตัวอุปกรณ์และประหยัดที่เครื่องปรับอากาศ
8. งดสูบบุหรี่ในห้องปรับอากาศ
เมื่อมีการสูบบุหรี่ในห้องปรับอากาศก็จะต้องเปิดพัดลมระบายอากาศ เพื่อระบายควันและกลิ่นออกจากห้อง การระบายอากาศส่วนหนึ่งออกจากห้อง ก็จะทำให้มีอากาศจากภายนอกใหลเข้ามาในห้องทดแทนซึ่งจะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักขึ้น
หากงดสูบบุหรี่ในห้องปรับอากาศก็ไม่จำเป็นต้องเปิดพัดลมระบายอากาศหรือเปิดเพียงช่วงสั้นๆ ก็เพียงพอซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานได้
นอกจากนี้ การงดสูบบุหรี่ในห้องปรับอากาศ ยังลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ จึงทำให้มีฝุ่นละอองไปจับที่คอยล์น้อยเครื่องปรับอากาศ จึงมีประสิทธิภาพสูงอยู่เสมอ และช่วยยืดระยะเวลาการบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศไปได้
9. สวมเสื้อผ้าบางๆ
การสวมเสื้อผ้าบางๆ จะช่วยให้ร่างกายระบายความร้อนได้ดีขึ้น จึงสามารถตั้งอุณหภูมิให้สูงขึ้นได้ทำให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น
ดั้งนั้น จึงควรรณรงค์ให้ผู้ที่ทำงานในห้องปรับอากาศหันมาใส่เสื่อผ้าบางๆ ไม่ควรใส่สูท เพื่อที่จะตั้งอุณหภูมิให้สูงขึ้นได้
10. ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท
หากปิดประตูหรือหน้าต่างไม่สนิท จะทำให้มีอากาศร้อนชื้นจากภายนอกรั่วใหลเข้าไปในห้องได้ซึ่งจะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักขึ้น และสิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้น
มาตรการนี้ดูจะเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ไม่น่าจะต้องกล่าวถึงอีกแต่กลับเป็นปัญหาที่พบบ่อย และละเลยกันมากที่สุด
นอกจากการปิดประตูหน้าต่างไม่สนิทรอยรั่วรอบๆ กรอบประตูและหน้าต่างก็เป็นปัญหาที่พบบ่อยๆ หากพบว่ามีรอยแยกและมีลมรั่วจากภายนอกเข้ามา ก็ควรดำเนินการแก้ไข เพื่อช่วยกันประหยัดพลังงาน
11. ปิดผ้าม่าน
การปิดผ้าม่าน จะช่วยลดการแผ่รังสีความร้อนจากภายนอกเข้ามาสู่ตัวคนโดยตรงได้ และยังช่วยลดการแผ่รังสีความร้อนจากผิวกระจกมาสู่ตัวคนด้วย ซึ่งทำให้ไม่ต้องตั้งอุณหภูมิต่ำกว่าปกติเพื่อชดเชยการแผ่รังสีความร้อนจึงช่วยประหยัดพลังงานได้
นอกจากลดการแผ่รังสีความร้อนมาสู่ตัวคนแล้ว ผ้าม่านยังช่วยสะท้อนความร้อนกลับออกไปภายนอกได้ด้วย (ถึงแม้ว่าจะไม่มากนัก) จึงเป็นการช่วยประหยัดพลังงานได้อีกทางหนึ่ง
การที่ทราบว่าการออกกำลังการเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพแต่ไม่ปฏิบัตินั้นย่อมไม่ทำให้เกิดสุขภาพดีได้ ฉันใดก็ฉันนั้น การที่ทราบวิธีการประหยัดพลังงานแต่ไม่ปฏิบัติก็ย่อมไม่สามารถช่วยอนุรักษ์พลังงานได้ 11 วิธีประหยัดค่าแอร์โดยไม่ต้องลงทุนนี้ มีประโยชน์อย่างแน่นอน สามารถช่วยอนุรักษ์พลังงานได้ ช่วยให้คนรุ่นต่อไปมีพลังงานเหลือใช้นานขึ้น ช่วยลดการสูญเสียเงินตราต่างประเทศ ช่วยลดมลพิษและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการผลิตไฟฟ้า ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมที่ดีไว้ให้ลูกหลานของเรา