วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2551

บทความดีๆจากเพื่อน NEC

หน้าฝนนี้คงต้องบอกว่าให้ดูแลสุขภาพกันทุกคนด้วย นะครับ ช่วงนี้ธุรกิจก็ไม่ค่อยดีแถมยังต้องมาเจ็บป่วยกันอีก ถ้าเรามีการดูแลสุขภาพเบื้องต้นนับว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดและ แต่ถ้าเราต้องปล่อยให้ร่างกายต้องเจ็บป่วยแล้วบางครั้งอาจจะรักษาไม่ทันก็เป็นได้ วันนี้เป็นวันเริ่มเทศการกินเจ ก็เป็นประเพณีที่ดีอย่างหนึ่ง ปีหนึ่งปีหนึ่งเราได้รับประทานอาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์กันมามาก เมื่อมีโอกาสก็ขอให้เราได้ร่วมกันกินเจเพื่อเป็นการละเว้นทานเนื้อสัตว์สักระยะหนึ่ง และเป็นการทานอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีมีประโยชน์ครับ นอกจากการได้รับประทานอาหารที่ไม่มีส่วนผสมจากเนื้อสัตว์แล้ว การได้ออกกำลังกายและการได้ไปพักผ่อนที่ดีก็เป็นวิธีหนึ่งซึ่งจะเป็นแนวทางการดูแลสุขภาพเบื้องต้น โปรแกรมการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพจึงเป็นหนทางหนึ่งของการได้มีสุขภาพที่ดีครับ


สนใจโปรแกรมเพื่อสุขภาพเข้าชมรายละเอียดได้ที่ http://www.herbalspice.blogspot.com/



ธนัช เด็กหนองมน-ไม่ทอดทิ้งกัน กล่าวว่า...


หวัดดีคับผมธนัช เด็ก หนองมนเสียดายที่ไม่ได้ไปงาน ช่วงนี้งานยุ่งมากเลย ต้องขอโทษพี่ไพบูลย์และพรรคพวกด้วย วันนี้ผมขอเสนอวิธีการประหยัดพลังงานของการใช้แอร์ ดังนี้ครับ11 วิธีประหยัดค่าแอร์11 วิธีประหยัดค่าแอร์โดยไม่ต้องลงทุน11 วิธีต่อไปนี้ จะช่วยเราประหยัดพลังงานและพลังเงินของเราโดยไม่ต้องลงทุน หลายวิธีที่จะกล่าวถึงนี้ อาจเป็นวิธีง่ายๆ ที่เราคิดไม่ถึงหรือเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ถ้าเราพร้อมใจกันปฏิบัติอย่างถูกต้อง จะช่วยประหยัดพลังงานและค่าไฟได้อย่างไม่น่าเชื่อ1. ปิดพัดลมระบายอากาศเมื่อไม่จำเป็นในห้องปรับอากาศมักติดตั้งพัดลมระบายอากาศไว้สำหรับระบายอากาศออกจากห้องปรับอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้องที่มีกลิ่นหรือควันจากการสูบบุหรี่ เมื่อมีการระบายอากาศออกจากห้อง ก็จะมีอากาศในปริมาณเท่ากันไหลเข้ามาในห้อง เพื่อทดแทนอากาศส่วนที่ถูกระบายทิ้งออกไป อากาศจากภายนอกที่ไหลเข้ามาแทนที่นี้ ทำให้เครื่องปรับอากาศต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อทำให้อากาศร้อนจากภายนอกที่เข้ามาเย็นลงจนเท่ากับอากาศภายในห้องพัดลมระบายอากาศนี้มีความจำเป็น หากเป็นห้องที่มีคนใช้งานมาก หรือมีกลิ่นจากเอกสาร, อาหาร หรือควันบุหรี่ แต่หากเป็นห้องที่มีคนใช้งานไม่มาก และไม่มีกลิ่นรบกวน ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดพัดลมระบายอากาศ ทั้งนี้เนื่องจาก โดยธรรมชาติจะมีอากาศรั่วซึมผ่านทางกรอบประตูหน้าต่างอยู่ในปริมาณหนึ่งอยู่แล้ว ซึ่งเพียงพอสำหรับใช้ในการหายใจนอกจากนี้ หากเป็นห้องประชุม ในขณะที่เปิดเครื่องปรับอากาศ เพื่อให้อากาศเย็นก่อนจะมีคนเข้าใช้ห้อง ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดพัดลมระบายอากาศ ให้รอจนมีคนเข้าใช้ห้องประชุมเป็นจำนวนมากก่อน จึงเปิดพัดลมระบายอากาศก็ได้2. ตั้งปิดจอคอมพิวเตอร์ เมื่อไม่ใช้งานในสำนักงานสมัยใหม่ มีการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์กันมากขึ้น ความร้อนจากเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นภาระมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับเครื่องปรับอากาศ เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหนึ่งเครื่อง จะปล่อยความร้อนออกมาโดยประมาณ 250 วัตต์ โดยส่วนใหญ่จะเป็นความร้อนจากจอมอนิเตอร์ประมาณ 180-200 วัตต์โดยปกติแล้ว เครื่องคอมพิวเตอร์จะไม่ได้ถูกใช้งานตลอดเวลา ดังนั้นผู้ผลิตโปรแกรม จึงมีส่วนที่ให้ผู้ใช้สามารถตั้งโปรแกรมให้จอมอนิเตอร์ปิดโดยอัตโนมัติ เมื่อไม่ได้สัมผัสคีย์บอร์ด หรือเมาส์ในระยะเวลาหนึ่งสำหรับผู้ใช้ Window 98 การตั้งเวลาสามารถทำได้ ดังนี้1. เลือก My computer2. เลือก Control Panel3. เลือก Power Management4. ตั้งค่า Power schemes เป็น Home/Office Desk3.ตั้งอุณหภูมิ 28C แล้วเปิดพัดลมเสริมความเย็นสบาย หรือความสบายเชิงความร้อน (Thermal Comfort) เกิดขึ้นได้จากการมีปัจจัยหลัก 3 ประการที่สมดุลกัน คือ1. อุณหภูมิ2. ความชื้นสัมพัทธ์3. ความเร็วลมหากต้องการระดับความสบายเท่าเดิม เมื่อปัจจัยหนึ่งเปลี่ยนก็สามารถเปลี่ยนปัจจัยอื่นเป็นการทดแทนได้การตั้งอุณหภูมิในห้องสูงขึ้น จะประหยัดพลังงานได้ โดยปกติแล้วก็จะตั้งได้สูงสุดประมาณ 25-26 C มิฉะนั้นจะร้อนเกินไปแต่ถ้าเราเปิดพัดลมช่วยเพิ่มความเร็วลมในห้อง เราจะสามารถตั้งอุณหภูมิได้สูงถึง 28-30 C โดยยังเย็นสบายเหมือนเดิม (มีระดับความสบายเชิงความร้อนเท่ากัน) โดยจะช่วยประหยัดพลังงานได้มาก4. นำตู้มาตั้งชิดผนังด้านตะวันออกหรือตะวันตกผนังด้านที่มีความร้อนเข้ามามากทีสุดคือ ด้านตะวันออก และตะวันตก นอกจากความร้อนที่ผ่านผนังเข้ามาแล้ว เวลาที่แสงอาทิตย์ส่องถูกผนัง จะทำให้ผนังมีอุณหภูมิร้อนขึ้นมาก และจะแผ่รังสีความร้อนมาสู่ตัวคน ซึ่งจะทำให้คนรู้สึกร้อนขึ้น แม้อุณหภูมิในห้องจะเท่าเดิม ในห้องที่มีสภาพนี้จะต้องตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ประมาณ 21-22 C จึงจะรู้สึกเย็นสบาย แต่เป็นการสิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้นการนำตู้ไปตั้งชิดผนัง จะช่วยป้องกันการแผ่รังสีความร้อนจากผนังได้ ดังนั้นจึงไม่ต้องตั้งอุณหภูมิต่ำกว่าปกติ ในห้องที่ผนังห้องไม่ร้อน การตั้งอุณหภูมิที่ 25 C ก็จะเย็นสบายเพียงพอนอกจากป้องกันการแผ่รังสีความร้อนจากผนังแล้ว การมีตู้ตั้งชิดผนัง ยังเสมือนว่ามีผนังหนาขึ้น จึงเป็นการช่วยลดความร้อนที่ผ่านผนังเข้ามาได้ด้วยอย่างไรก็ตาม การนำตู้ไปตั้งติดผนังห้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผนังด้านนั้นมีกระจกด้วย จะทำให้อุณหภูมิภายในตู้สูงกว่าอุณหภูมิห้อง ดังนั้น จึงควรระมัดระวังกรณีที่สิ่งของภายในตู้ไม่สามารถทนความร้อนได้5. ปิดแอร์เมื่อไม่ใช้ และอย่าเปิดประตูหน้าต่างทิ้งไว้ในขณะปิดแอร์ระบบปรับอากาศ (แบบน้ำเย็น) ใช้พลังงานประมาณ 1 หน่วยต่อตันต่อชั่วโมง ตัวอย่างเช่นเครื่องปรับอากาศขนาด 5 ตัน เปิดใช้งาน 4 ชั่วโมง จะใช้พลังงานไฟฟ้าประมาณ 1 x 5 x 4 = 20 หน่วย คิดเป็นเงินประมาณ 20 x 3 = 60 บาท (ค่าไฟเฉลี่ยประมาณ 3 บาทต่อหน่วย) ในอาคารทั่วไปๆ ค่าไฟฟ้าที่จ่ายไปกว่าครึ่งหนึ่งเป็นค่าไฟของระบบปรับอากาศการปิดเครื่องปรับอากาศเมื่อไม่ใช้ห้องปรับอากาศจะสามารถช่วยประหยัดพลังงานได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆแต่ในขณะที่ปิดเครื่องปรับอากาศนั้น จะต้องไม่เปิดประตูหรือหน้าต่างทิ้งไว้ มิฉะนั้นความร้อนและความชื้นจากภายนอกจะเข้าไปในห้องปรับอากาศและจะสะสมอยู่ที่ พื้น, ผนัง, เฟอร์นิเจอร์, พรม, กระดาษ, ผ้าม่าน ฯลฯ เมื่อเปิดเครื่องปรับอากาศครั้งต่อไปเครื่องปรับอากาศก็จะต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อดึงเอาความร้อนและความชื้นนี้ออกไป ซึ่งจะเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานมากกว่าการเปิดเครื่องปรับอากาศอย่างต่อเนื่องเสียอีก6. ย้ายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นออกนอกห้องปรับอากาศอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิดจะปล่อยความร้อนออกมา เท่ากับพลังงานไฟฟ้าที่อุปกรณ์นั้นใช้ ดังนั้น ภาระส่วนหนึ่งที่สำคัญของเครื่องปรับอากาศจึงเกิดจากอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ภายในห้องปรับอากาศ หากเราสามารถลดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในห้องปรับอากาศโดยการย้ายออกไปตั้งไว้นอกห้องปรับอากาศได้ก็จะเป็นการช่วยประหยัดพลังงานได้ตัวอย่างอุปกรณ์ที่มักมีอยู่ในห้องปรับอากาศแต่สามารถย้ายออกไปได้ เช่น 1. ตู้เย็น2. ตู้ทำน้ำเย็น3. เครื่องถ่ายเอกสาร4. หม้อต้มน้ำร้อน หรือเครื่องชงกาแฟ5. ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ6. หม้อหุ้งข้าวไฟฟ้า7. ฯลฯ7. ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าและไฟแสงสว่างที่ไม่จำเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าและหลอดไฟฟ้าแสงสว่าง จะปล่อยความร้อนเข้าสู่ห้องปรับอากาศ เท่ากับพลังงานที่อุปกรณ์ไฟฟ้าและหลอดไฟใช้ และความร้อนนั้นก็จะกลายเป็นภาระของเครื่องปรับอากาศ และต้องเสียพลังงานในการนำความร้อนนี้ทิ้งออกไปข้างนอกอีกจะเห็นได้ว่า การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าหรือไฟฟ้าแสงสว่าง ในห้องปรับอากาศจะเป็นการเสียค่าไฟสองต่อ คือ - เสียค่าไฟที่อุปกรณ์หรือหลอดไฟใช้- เสียค่าไฟที่เครื่องปรับอากาศเพื่อนำความร้อนออกไปทิ้งนอกห้องดังนั้น การปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าและไฟแสงสว่างที่ไม่จำเป็นในห้องปรับอากาศจึงเป็นการประหยัดสองต่อ คือ ประหยัดที่ตัวอุปกรณ์และประหยัดที่เครื่องปรับอากาศ8. งดสูบบุหรี่ในห้องปรับอากาศเมื่อมีการสูบบุหรี่ในห้องปรับอากาศก็จะต้องเปิดพัดลมระบายอากาศ เพื่อระบายควันและกลิ่นออกจากห้อง การระบายอากาศส่วนหนึ่งออกจากห้อง ก็จะทำให้มีอากาศจากภายนอกใหลเข้ามาในห้องทดแทนซึ่งจะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักขึ้นหากงดสูบบุหรี่ในห้องปรับอากาศก็ไม่จำเป็นต้องเปิดพัดลมระบายอากาศหรือเปิดเพียงช่วงสั้นๆ ก็เพียงพอซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานได้นอกจากนี้ การงดสูบบุหรี่ในห้องปรับอากาศ ยังลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ จึงทำให้มีฝุ่นละอองไปจับที่คอยล์น้อยเครื่องปรับอากาศ จึงมีประสิทธิภาพสูงอยู่เสมอ และช่วยยืดระยะเวลาการบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศไปได้9. สวมเสื้อผ้าบางๆการสวมเสื้อผ้าบางๆ จะช่วยให้ร่างกายระบายความร้อนได้ดีขึ้น จึงสามารถตั้งอุณหภูมิให้สูงขึ้นได้ทำให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น ดั้งนั้น จึงควรรณรงค์ให้ผู้ที่ทำงานในห้องปรับอากาศหันมาใส่เสื่อผ้าบางๆ ไม่ควรใส่สูท เพื่อที่จะตั้งอุณหภูมิให้สูงขึ้นได้10. ปิดประตูหน้าต่างให้สนิทหากปิดประตูหรือหน้าต่างไม่สนิท จะทำให้มีอากาศร้อนชื้นจากภายนอกรั่วใหลเข้าไปในห้องได้ซึ่งจะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักขึ้น และสิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้นมาตรการนี้ดูจะเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ไม่น่าจะต้องกล่าวถึงอีกแต่กลับเป็นปัญหาที่พบบ่อย และละเลยกันมากที่สุดนอกจากการปิดประตูหน้าต่างไม่สนิทรอยรั่วรอบๆ กรอบประตูและหน้าต่างก็เป็นปัญหาที่พบบ่อยๆ หากพบว่ามีรอยแยกและมีลมรั่วจากภายนอกเข้ามา ก็ควรดำเนินการแก้ไข เพื่อช่วยกันประหยัดพลังงาน11. ปิดผ้าม่านการปิดผ้าม่าน จะช่วยลดการแผ่รังสีความร้อนจากภายนอกเข้ามาสู่ตัวคนโดยตรงได้ และยังช่วยลดการแผ่รังสีความร้อนจากผิวกระจกมาสู่ตัวคนด้วย ซึ่งทำให้ไม่ต้องตั้งอุณหภูมิต่ำกว่าปกติเพื่อชดเชยการแผ่รังสีความร้อนจึงช่วยประหยัดพลังงานได้นอกจากลดการแผ่รังสีความร้อนมาสู่ตัวคนแล้ว ผ้าม่านยังช่วยสะท้อนความร้อนกลับออกไปภายนอกได้ด้วย (ถึงแม้ว่าจะไม่มากนัก) จึงเป็นการช่วยประหยัดพลังงานได้อีกทางหนึ่งการที่ทราบว่าการออกกำลังการเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพแต่ไม่ปฏิบัตินั้นย่อมไม่ทำให้เกิดสุขภาพดีได้ ฉันใดก็ฉันนั้น การที่ทราบวิธีการประหยัดพลังงานแต่ไม่ปฏิบัติก็ย่อมไม่สามารถช่วยอนุรักษ์พลังงานได้ 11 วิธีประหยัดค่าแอร์โดยไม่ต้องลงทุนนี้ มีประโยชน์อย่างแน่นอน สามารถช่วยอนุรักษ์พลังงานได้ ช่วยให้คนรุ่นต่อไปมีพลังงานเหลือใช้นานขึ้น ช่วยลดการสูญเสียเงินตราต่างประเทศ ช่วยลดมลพิษและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการผลิตไฟฟ้า ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมที่ดีไว้ให้ลูกหลานของเรา


วันศุกร์, 26 กันยายน, 2008

วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2551

งานสัมมนา " การพัฒนาธุรกิจในมิติทางการตลาดและการสื่อสารการตลาดครบเครื่อง "

งานอบรมสัมมนาเพิ่มความรู้ให้กับเครื่อข่าย NEC ภาคตะวันออก จัดโดย ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที 9 กระทรวงอุตสาหกรรม โดยมีการอบรมให้ความรู้ด้านการสื่อสารเป็นการเพิ่มทักษะของการจัดการขบวนการ การทำตลาดที่ครบวงจร ผู้เข้ารับการอบรมได้ความรู้และแลกเปลี่ยนประสพการณ์ ขอฝากภาพแทนคำบรรยาย เพราะว่าผู้เข้ารับการอบรมได้ความรู้และสนุกสนานกับท่านอาจารย์ วิทยากรทั้งสองท่าน

วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551

สานสัมพันธ์ - งานเลี้ยง NEC รุ่น 11 ครั้งที่ 2

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา..... !!

แต่ความรุ่งเรื่องจะกลับมาสู่พวกเราชาว NEC.....

ครับกับสำนวนกำลังภายในที่คุ้นเคยต้องขอนำมากล่าวเพิ่อเป็นคำนิยมในงานเลี้ยงสังสรรค์ของพวกเราชาว NEC รุ่น 11 งานนี้เป็นการสานสัมพันธ์ของกลุ่มที่เป็นชาว NEC ในภาคตะวันออกก็ได้นะครับ ผมเองกับท่านประธาน NEC รุ่นที่ 2 ของ ม. บูรพา คือคุณอนันต์ ได้เคยคุยกันว่าเราน่าจะมีการรวมกลุ่มของชาว NEC ในภาคตะวันออกด้วยกันโดยเฉพาะ NEC ที่มาจาก ม. บูรพาด้วยกันแล้วเราน่าจะเริ่มมีการสานสัมพันธ์โดยมีการรวมกลุ่มนัดทั้งสามรุ่นของปี พ.ศ. 2551 มาให้ได้รู้จักกัน และทำให้ในอนาคตจะเป็นกลุ่ม NEC กลุ่มแรกที่มีการรวมตัวกันและมีสมาชิกที่มีจำนวนมากและหลากหลายในอาชีพและธุรกิจ ที่อาจจะเอื้อต่อกันได้ โดยที่ทุกคนจะได้มีการติดต่อกันง่ายขึ้น ด้วยเจตนารมภ์ที่ดีและมีประโยชน์ตรงกันผมจึงได้เชิญคุณ อนันต์มาเป็นแขกให้กลับกลุ่มของเราและยังมีเพื่อนๆที่เป็นชาว NEC ด้วยกัน 2 ท่านมาเป็นแขกด้วยครับ คุณ สหนันท์ และคุณ วิชานนท์ จาก NEC ม.เกษตรบางพระ ต้องขอขอบคุณทั้งสามท่านจริงๆที่มาในวันนั้นครับ


ในส่วนพวกเราเอง NEC รุ่น 11 อีกหลายคนที่ไม่ได้มาในงานเลี้ยงวันนั้นผมเองก็คงจะหวังที่จะได้เจอพวกเราอีกในครั้งต่อๆไป ขอให้คิดถึงเพื่อนและขอให้ได้มาพบปะเจาะเจอกันให้พร้อมหน้ากันมากกว่านี้เพราะว่าเรายังเป็นเพื่อนและเป็นพี่น้องที่มีความคิดที่ตรงกันและพร้อมที่จะเดินไปด้วยกัน จะได้เป็นต้นแบบที่ดีให้กับกลุ่มอื่นๆที่ดูเราอยู่ต่อไป บรรยากาศภายในงานคงต้องฝากรูปแทนคำพูดว่าสนุกมากครับ แล้วพบกันใหม่ในงานเลี้ยงครั้งที่ 3 ครับ....

และก็ยังเหมือนเดิมครับฝากถึงพื่อนๆที่ยังไม่ค่อยจะได้เข้ามาดูและใช้เว็บไซต์ของพวกเราเป็นสื่อกลางสำหรับการได้เป็นศูนย์กลางเพื่อการพบปะและฝากความคิดถึงและความคิดเห็นมาถึงเพื่อนๆ

ป๋าเสริฐบอกว่างานเที่ยวนี้ได้ร้องเพลงคุ้มหน่อยเมื่อ 2 งานที่แล้วร้องไม่ทัน 55555



^^^นู๋เอ๋^^^มาแยววว ได้ฝากความคิดเห็นไว้

หวัดดีทุ๊กกกคนดีใจที่ได้เจอ NEC วันเสาร์ที่ผ่านมา และก็เสียใจเล็กน้อยที่ไปกันน้อยมาก นานๆเจอกันทีก็สนุกสนาน อย่างว่าต่างคนต่างมีภาระกิจด้วยกันทั้งนั้น บ้างก็ไม่สดวกมา บ้างก็ติดงาน,บ้างก็เดี๋ยวภรรยาบ่น,บ้างก็เดี๋ยวสามีด่า เกรงใจกันไปใครสดวกก็มาดีฝ่า สำหรับวันนี้เอาเรื่องสนุก สนุก คลายเครียดไปอ่านกัน


1 เรื่องผู้หญิงสามคนนั่งบนม้านั่ง กำลังกินไอติมดุ้นยาวอยู่
ผู้หญิงคนแรกเลียแท่งไอติม
ผู้หญิงคนที่สองกัดแท่งไอติม
ส่วนผู้หญิงคนที่สามดูดแท่งไอติม
ผมถามครูว่า ผู้หญิงคนไหนแต่งงานแล้ว"
ครูสาวมองหน้าเด็กชายต้น ถึงทำหน้าไม่ถูก
แต่หน้าครูสาวก็แดงระเรื่อขึ้น แล้วอึ้งไป
" ครู ครู ผมถามอีกทีก็ได้นะ
มีผู้หญิงสามคนนั่งบนม้านั่ง กำลังกินไอติมดุ้นยาวอยู่
ผู้หญิงคนแรกเลียแท่งไอติม
ผู้หญิงคนที่สองกัดแท่งไอติม
ส่วนคนที่สามดูดแท่งไอติม
ผมถามครูว่า ผู้หญิงคนไหนแต่งงานแล้ว"
" เอาอย่างนี้แล้วกันนะเธอ " ครูเริ่มกระซิบที่ข้างหูเด็กชายต้น
" ครูว่าผู้หญิงคนที่ดูดไอติมแท่งน่ะ เป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว "
" ไม่ใช่ครับครู คนที่แต่งงานแล้ว
คือคนที่มีแหวนแต่งงานสวมอยู่ที่นิ้วมือไงครับ"
เด็กชายต้นอมยิ้ม พร้อมกับพูดตบท้าย
" ถึงครูจะตอบไม่ถูก แต่ผมก็ชอบวิธีคิดของครูนะ "



เอาหละขำขำกันพอหอมปากหอมคอนะคะพี่น้อง สุดท้ายขอให้สมาชิกทุ๊กกกคนมีความสุขนะค่ะ

เขียนโดย ^^^นู๋เอ๋^^^มาแยววว ถึง กลุ่ม NEC ม. บูรพา รุ่น 11/2551 เวลา วันจันทร์, 15 กันยายน, 2008

BAMEE HITECH กล่าวว่า...


ขอบคุณมากค่ะ

พี่ไพบูลย์ที่เชิญไปเป็นแขกในงานเลี้ยงของรุ่น 11 ม.บูรพา รู้สึกดีใจอย่างยิ่งที่ได้รู้จักเพื่อนๆ ชาว NEC ทำให้เราได้มีเครือข่ายที่กว้างขึ้น และเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันในอนาคตต่อไป

ขอบคุณจริงๆค่ะ

น้องแบตมินตั้น

วันศุกร์, 19 กันยายน, 2008

วันเสาร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2551

บทกลอนและสาระดีๆ - อามิดตาพุด

เมื่อคอรั่มที่แล้วได้ดูรูปน่ารักๆแก้เซ็งกับบรรยากาศที่เปลื่ยนแปลงบ่อยๆ ในครั้งนี้ก็ขอฝากสาระบทความและบทกลอนมาให้ได้อ่านกันทุกคนครับ ...ฝากประชาสัมพันธ์ถึงเพื่อนๆที่ยังไม่ได้เข้ามาดูเว็บไซต์ของพวกเราขอให้ได้ใช้ที่นี่เป็นที่พบปะและพูดคุยถึงเพื่อนๆที่หายหน้าหายตากันไปนาน แล้วคุณละคิดว่าเว็บนี้เป็นของท่านหรือไม่!!!! ผมเองได้ประชาสัมพันธ์ให้เพื่อนๆ NEC จากรุ่นและกลุ่มอื่นได้เข้ามาดูเว็บไซต์ของพวกเราแล้วพวกเราเองไม่ทราบว่าหายไปไหนกันหมด?????เรามาช่วยสร้างสรรในสิ่งดีๆเพื่อให้ผู้อื่นได้เห็นและเป็นตัวอย่างให้กับเขาต่อไป>>>>>
วันเวลาไม่เคยคอยใคร อย่าปล่อยให้เวลาลอยนวล!!!!

ครับก็สาธยายมามากแล้วขอฝากสิ่งที่เป็นประโยช์สำหรับพวกเราครับ

^^^aaa^^^pattaya ได้ฝากความคิดเห็น

ฝากสายลมส่งความรู้สึกไปหาเธอจะได้ไหม
ฝากสายฝนบอกกับเธอว่าฉันนั้นห่วงใย
แม้ตัวห่างสุดแสนไกล "ใจผูกพัน"
กลอนซึ้งๆมอบให้ทุ๊กกกคน


แว็บมาสเตอร์ (แว็บอีกและ)

" ด้วยรักและผูกพัน..ครับพี่น้อง NEC .11/2551 "

^^aaa^^pattaya^_^ ได้ฝากความคิดเห็นไว้วันนี้วันเสาร์ที่ 6/9/51

แป๊บๆจะหมดปีแล้วเดี๋ยวก้อปี 52 กำลังจะมาตามติดๆวันๆช่างผ่านไปได้รวดเร็วเหลือเกิน ไวเหมือนโกหกวันนี้มีอะไรมาฝากเพื่อนๆเล็กน้อยสำหรับเพื่อนๆคนไหนที่กำลังมีรักสามเส้าอยู่
รักสามเส้าอย่างไร ไม่ให้เป็นรักสามเศร้า
หากชีวิตหนึ่งของคนเรามีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายหลายหลาก และหนึ่งในร้อยของเรื่องราวนั้นเป็นเรื่องที่มนุษย์เรายากที่จะออกแบบและเลือกรับไว้ได้ไหว เรื่องนั้นคงหนีไม่พ้นเรื่อง “ความรัก”
ใช่ค่ะ เรื่องรักมักออกแบบไม่ได้ เรื่องรักมักไม่เป็นอย่างที่ใจเราวาดไว้ โชคดีอาจออกมาเป็นรูปเป็นร่างแต่ก็ไม่ใช่แบบที่ต้องการเสมอไป จนมาถึงวันหนึ่ง วันที่เวทีพรหมลิขิตหมุนคุณให้พบเจอกับใครคนนั้น คนที่ใช่ แต่โชคร้ายในความโชคดี คือคุณพบเขา ผิดเวลา ไปเท่านั้นเอง นั่นหมายความว่า ความรักของคุณเป็น รักซ้อน เข้าแล้วล่ะค่ะ
ในเมื่อหัวใจเรียกร้อง และอย่างที่บอก มันคือเรื่องของพรหมลิขิต ที่บังเอิญมาเล่นตลกกับเราขีดให้บรรจบพบเจอกับคนมีเจ้าของแล้ว มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ ที่คุณจะห้ามใจไม่ให้รัก หรือไม่ให้ตกหลุมรักคนที่ใช่ ในเวลาที่ผิดแบบนี้ได้ เพราะชาตินี้ทั้งชาติ เราอาจไม่มีโอกาสพบเจอคนๆ นี้อีก
“เอ๋” ขอเสนอแนวทางในการ รักช้ำ ๆ ไม่ให้ช้ำ ซึ่งไม่ได้ไปแย่งความรักจากใคร หรือ เสนอตัวเป็นมือที่ 3 แต่อย่างใด ถ้าความรักยังเป็นสิ่งที่สวยงามในใจคุณอยู่ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะแอบรักคนมีเจ้าของ หรือคนมีเจ้าของจะมาตกหลุม (รัก) คุณเสียเอง
10 เงื่อนไขรักซ้อน (แบบไม่ซ่อนเงื่อน)
1. อยู่บนพื้นฐานของความรัก ก่อนที่คุณจะก้าวเข้าสู่วงโคจรรักซ้อนแบบนี้ คุณต้องถามตัวเองให้แน่ใจก่อนว่า นี่คือความรักใช่หรือไม่ เพราะถ้าเป็นแค่เกม เกมหนึ่งหรือแค่ความวูบวาบหวั่นไหวไปตามอารมณ์ อาจมีคนต้องเจ็บปวดเพราะความคะนองของคุณก็เป็นได้ แต่ถ้ามันเป็นความรักจริงๆ คุณจะควบคุมจิตใจคุณได้ และใช้เหตุผลเข้ามาช่วยตัดสินใจบ้าง
2. ใช้ความยับยั้งชั่งใจ ระงับความรู้สึกที่มันพลุ่งพล่าน ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องดึงจิตสำนึกส่วนนี้มาใช้ให้เป็นประโยชน์ แม้ว่าการใช้ชีวิตตามความรู้สึกจะนำพาคุณให้บรรลุความปรารถนาได้ก็ตามทีแต่เงื่อนไขของรักซ้อนคือความยับยั้งชั่งใจ จากนั้นใช้ความรู้สึกที่เหลือแสดงออกไป การทำเช่นนี้จะทำให้คุณมีคุณค่าและดูมีเหตุผล ในขณะที่คุณได้ทำตามความปรารถนาของคุณเองด้วย
3. หาคู่คิด เพื่อหามุมมองต่างๆ มาหักลบกลบหนี้ และหาทางออกให้กับเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะถ้าคุณคิดอยู่คนเดียว อาจทำให้หน้ามืดตามัวขึ้นมาก็ได้ แต่อย่ากระโตกกระตากเป็นอันขาด เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจผิดได้ง่าย และหมิ่นเหม่เป็นอย่างยิ่ง ถ้ายิ่งมีคนไม่เข้าใจ คุณจะยิ่งเป็นทุกข์ คุณควรมีคู่คิดที่เป็นคู่คิดจริงๆ ว่าเขาจะเก็บรักษาเรื่องราวของคุณได้ ราวกับรักษาเรื่องของตัวเอง
4. มีขอบเขตและเงื่อนไข กำหนดมันขึ้นมาเลย ว่าคุณจะให้ความรู้สึกหรือใจกับคนๆ นั้นได้แค่ไหน โดยที่ไม่เบียดเบียน หรือทำให้ใครต้องเจ็บปวด ให้รักครั้งนี้เป็นความรักที่หวือหวาที่สุดในชีวิตคุณ แต่เงียบที่สุดในชีวิตของเขา แล้วทำตามเงื่อนไขที่คุณกำหนดให้จงได้
5. ยอมรับความจริงและเผื่อใจ ห้ามหลงตัวเอง ห้ามหลอกตัวเอง นั่นหมายความว่า คุณต้องรู้จักสถานะตัวเองดีพอที่จะประเมินสถานการณ์ทุกอย่างบนความจริงได้ และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า ก็ตามแต่ คุณต้องรับมันและผ่านไปให้ได้ ไม่แน่ว่า ความรักครั้งนี้อาจเป็นหนทางทำให้คุณรู้จักตัวเองอีกแง่มุมหนึ่งของชีวิตที่คุณไม่เคยรู้ตัวมาก่อนก็เป็นได้ ในเมื่อคุณก้าวเข้ามาในวังวนความรักแบบนี้ คุณต้องรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าความทุกข์จะต้องรออยู่ข้างหน้า ฉะนั้นเตรียมรับมือไว้ได้เลย แต่มันก็คุ้มค่าไม่ใช่หรือที่จะแลกกัน
6. อย่าคาดหวังเป็นอันขาด เป็นเรื่องพื้นๆ ที่มีคนกล่าวว่าที่ความผิดหวังเกิดขึ้นได้ ก็เพราะเราคาดหวังมันเอง แล้วคุณจะหวังอะไรกับรักต้องห้ามครั้งนี้ได้ ห้ามแม้แต่จะคิดหวังจะให้เขามาเป็นของคุณ แค่ได้รักกันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นแล้ว
7. อย่าทำให้ใครต้องเจ็บปวดกับเรื่องนี้ นี่คือเงื่อนไขที่สำคัญที่สุดสำหรับความรักแบบต้องห้าม มิเช่นนั้นความรักของคุณจะเป็นพิษทันที ถ้ามันจะทำให้ใครสักคนมีอันต้องเจ็บปวดขึ้นมา
8. ห้ามก้าวก่าย ความหมายคล้ายๆ “กิ๊ก” เหมือนกัน เพียงแต่จริงจัง จริงใจกว่ากันหลายขุม ที่ต้องห้ามไปก้าวก่ายในชีวิตเข้าหรือเธอก็เพราะคุณไม่มีสิทธิ์ในชีวิตของเขาคนนั้น คุณแค่รักกัน แต่คุณไม่ใช่ของกันและกัน
9. ปรนเปรอความสุขให้คนที่คุณรักด้วยการสรรหาสิ่งดีๆ ให้ซึ่งกันและกันอย่างเต็มใจไม่ปรุงแต่งให้มากมาย ให้ความรักเป็นสิ่งสวยใส ไม่ขุ่นมัวจะดีกว่า เป็นการถนอมรักด้วย เขาจะรู้สึกดีแค่ไหน ที่มีคุณก้าวเข้ามาในชีวิต แล้วก็มอบแต่สิ่งดีๆ ให้เท่าที่ให้ได้จากตำแหน่งที่คุณยืนอยู่ เพราะคุณไม่สามารถที่จะล่วงล้ำอาณาเขตมากไปกว่านี้อีกแล้ว
10. เติมเต็มในสิ่งที่เขาขาดหาย แน่นอนเขากำลังมองหาส่วนที่ขาดหายอยู่แน่ๆ ไม่งั้นเขาคงไม่คิดจะเปิดรับคุณเข้ามาได้หรอก เพราะฉะนั้นผู้โชคดีที่จะไปเติมส่วนขาดให้เขา คือคุณนั่นเอง เรื่องนั้นอาจเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ชีวิตเขาไม่เคยพบเจอและหาไม่ได้จากคนที่เป็นตัวจริงของเขา เป็นความหวาน เป็นความประทับใจ ที่ตกหล่นหายจากชีวิตเขาไปเนิ่นนานแล้วก็ได้ ทำให้คุณเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่ใช่ส่วนเกินที่ต้องตัดทิ้ง
แล้วรักสามเส้าจะได้ไม่กลายเป็นรักสามเศร้าให้คุณต้องกินข้าวเคล้าน้ำตา และกระอักกับความรักจนต้องหวาดผวากับมันไปจนชั่วชีวิต.......ความรักมักซับซ้อน ซ่อนเงื่อนไว้แบบนี้ แต่ในความซับซ้อนนั้น ก็ยังอยู่บนพื้นฐานของความเรียบง่ายอยู่ดี ถ้าความรักยังเป็นความรักอยู่
เวลาเราเดินหกล้ม ไม่ใช่ความผิดของถนนเส้นนั้นหรอก ความรักก็เช่นกัน มิใช่หรือ...เล็กๆๆน้อยๆจากเด็กพัทยา (เอ๋)ค่ะ

เขียนโดย ^^aaa^^pattaya^_^ ถึง กลุ่ม NEC ม. บูรพา รุ่น 11/2551 เวลา วันศุกร์, 05 กันยายน, 2008


แว็บมาสเตอร์

ผมเองก็มีความรักเหมือนกันครับ เป็นรักที่มีคุณค่าที่สุด..

คือรักของพระพุทธเจ้าครับ

ความรักของพระพุทธเจ้าคือการให้... สาธุ

^_^aaa^_^pattaya กล่าวว่า...


พี่น้อง! มีกลอนดีๆมาฝากเอาไปเลยคะ 1 เรื่องสำหรับพี่น้องชาว NEC ของเรารักคืออะไร

> >> >>>>ถ้ารัก คือ...ฟัน
> >> >>>>รักคงมั่น คือ...ฟันแท้
> >> >>>>รักร่อแร่ คือ...ฟันโยก
> >> >>>>รักโสโครก คือ...ฟันดำ
> >> >>>>รักถลำ คือ...ฟันเหยิน
> >> >>>>รักหมางเมิน > >>คือ...ฟัน***ง
> >> >>>>รักร้าง คือ...ฟันหลอ
> >> > >>>>รักหงิกงอ คือ...ฟันกุด
> >> >>>>รักบริสุทธิ์ คือ...ฟันขาว
> >> >>>>รักชั่วคราว คือ...ฟันปลอม
> >> >>>>รักอ่อนซ้อม คือ...ฟันร่วง
> >> >>>>รักสีม่วง คือ...ฟันเก*
> >> >>>>รักจำเจ คือ...ฟันซ้อน
> >> >>>>รักสลอน คือ...ฟันแทรก
> >> >>>>รักแรก คือ...ฟันน้ำนม
> >> >>>>รักระบม คือ...ฟันผุ
> >> >>>>รักคิกขุ คือ...ฟันกระต่าย
> >> >>>>รักสลาย คือ...ฟันหลุด
> >> >>>>รักชำรุด คือ...ฟันสึก
> >> >>>>รักเจ็บลึก คือ...ฟันคุด
> >> >>>>รักตุ๊ด คือ...ฟันหนุ่ม
> >> >>>>รักทั้งกลุ่ม คือ...ฟันหมด
> >> >>>>รักสลด คือ...ฟันพลาด
> >> >>>>รักต่างชาติ คือ...ฟันฝรั่ง
> >> >>>>รักปิดบัง >คือ...ฟันชู้
> >> >>>>รักอุดอู้ คือ...ฟันช้า
> >> >>>>รักกะฮา > >>คือ...ฟันเล่น
> >> >>>>รักไม่เป็น คือ...ฟันดะ
> >> >>>>รักเธออยู่เสมอ จริงๆ นะ...ฟันธง
(รักคนมีเจ้าของ > >>...คุณจาโดนฟัน)
> >> >>>>รักนะ จุ๊บ.....บ > >> >> > >> >>

_________________________________________________________________
วันจันทร์, 08 กันยายน, 2008






แว๊บมาสเตอร


สาระหนุกหนานเกล็ดเล็กเกล็ดน้อยครับ จากเพื่อนๆเราเอง

ที่รู้ๆวันนี้คุณแปรงฟันหรือยัง

อย่าลืมแปรงฟันด้วยยาสีฟันสมุนไพร ณ ครับ

ฟันขาวสะอาด ลมปากหอมสดชื่น แฮ่แฮ่



clean-bigboss กล่าวว่า...


หวัดดีคับ ผมธนัช เด้กหนองมน หวัดดีหนุ่มๆสาวๆคนชราทุกคนคุณเอ๋เด็กพัทยาสาธยายมีแต่เรื่องรัก.รักฟัน.ฟันแทงทั้งน๊านนนน ใจร้ายโหดร้ายคนข้างจะเป็นคนอ่อนไหวเล็กน้อยและปานกลาง ไปอ่อนข้อความอาแป๊ะ..ซอยถี่มันส์มากน่ะจาไปซอยไหน ถี่ยิบเลยไม่นับเอาล่ะเข้าเรื่องสาระหน่อยน่ะบางคนอาจจาไม่ทราบน่ะครับวันนี้ขออธิบายเรื่อง BTU.ครับแล้วมันคืออาไรลาก๊ะ ขอตอบ,..บีทียู (BTU:British Thermal Unit)ก็คือหน่วยที่ใช้วัดปริมาณความร้อนหนึ่งหน่วย(ซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันมากในระบบปรับอากาศ)สามารถเทียบได้กับหน่วยแคลอรี่หรือหน่วยจูลในระบบสากล โดยที่ความร้อน 1 BTU. คือปริมาณความร้อนที่ทำให้น้ำ 1 ปอนด์ มีอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง 1 องศาฟาเรนไฮด์ สำหรับเครื่องปรับอากาศนั้นจะวัดกำลังความเย็นหรือความสามารถในการดึงความร้อน (ถ่ายเทความร้อน)ออกจากห้องปรับอากาศในหน่วยบีทียูต่อชั่วโมง (Btu/hr)ซึ่งเทียบเท่ากับหน่วยวัตต์ในระบบสากลเช่น เครื่องปรับอากาศขนาด 12,000 บีทียูต่อชั่วโมงหมายความว่าเครื่องปรับอากาศเครื่องนั้นมีความสามารถในการดึงความร้อนออกจากห้องปรับอากาศ 12,000 บีทียูในเวลา 1 ชั่วโมงแต่โดยทั่วไปในท้องตลาดมักใช้คำว่าบีทียูต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นการใช้ที่ผิดหลักวิชาการแต่ว่าเป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไปละก๊ะเอาละวันนี้เบาๆแค่นี้ก่อนครับพี่ไพบูลย์ การเมืองค่อนข้างจะคลายความตึงเครียตลงเล็กน้อยแล้วต่อๆไปอาจจามีอาไรดีขึ้นเรื่อยๆก็ได้คับ ขอให้เพื่อนโชคดีมีกาตังค์ใช้เยอะทุกคนคับ


วันพฤหัสบดี, 11 กันยายน, 2008





แว๊บมาสเตอร์


สำหรับบทความดีๆมีสาระที่คุณเด็กหนองมนนำมาฝากทุกครั้งบอกตรงๆ ณ ครับว่าอ่านแล้วเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ใช้แอร์หรือผู้ที่กำลังจะใช้แอร์ แต่แว๊บมาสเตอร์เปิดแอร์ที่อุณหภูมิในห้องนอน 20 องศาเซลเซียส มันเป็นการที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นักเกี่ยวกับการรณรงค์ให้ประหยัดพลังงานกันในคณะนี้ แต่เป็นการประฏิบัตรส่วนตัวครับผมเองได้ใช้แอร์มานานและมีความเชื่อส่วนตัว(ส่วนบุคคล)ว่าการนอนในห้องแอร์ที่อุณหภูมิต่ำหรือต่ำมากในอุณหภูมิที่เย็นมากหน่อยจะทำให้อุณหภูมิในร่างกายของเราโดยเฉพาะตามผิวหนังจะได้รับอุณหภูมิต่ำจะทำให้ผิวหนังไม่เหี่ยวย่นและอุณหภูมิในร่างกายไม้ร้อนจะทำให้ไม่ไปเผาผาญอวัยวะภายในจึงทำให้ไม่แก่...... ขอย้ำ.. ไม่แก่ 55 อันนี้เป็นความเชื่อส่วนตัว ณ ครับ แต่ผมเองได้นอนในห้องแอร์ที่มีอุณหภูมิต่ำมานานแล้ว รู้สึกว่าสุขภาพดี ผิงหนังไม่เหี่ยวก่อนวัย จริงไหมครับเพื่อนๆ จำหน้าแว๊บมาสเตอร์ได้ไหมครับ นุ้มมมมมมมม หนุ่ม แฮะแฮะ


วันศุกร์ที่ 12-กันยายน - 2551 เวลา 20.50 น.


M(หมี)สุรศักดิ์ กล่าวว่า...


้ฮาโหลเทส...วันเสาร์ทำงานเลิก2ทุ่มถึงงาน3ทุ่ม..จาเจอใครมั๊ยเนี่ยอ่านเรื่องจ่ายค่ายาล่วงหน้าแล้วประทับใจดีมากครับ ถ้ามีคนดีๆในสังคมเยอะๆทุกคนก็จะมีความสุข...ไม่ได้เข้ามาเยี่ยมพี่ไพบูลย์(หมายถึงเวปนะ..ไม่ใช่คุก)ซะนาน..เดี๋ยวนี้พัฒนาไปไกลเลยนะครับ..รู้มั้ยว่าผมใช้เวลาตั้ง2วัน..กว่าที่จะฝากความคิดเห็นเข้ามาได้ (อ่อนหัดซะไม่มี)แล้วเมื่อไหร่จะสอนผมซะที่ล่ะค้าบบบ..


วันพฤหัสบดี, 11 กันยายน, 2008

แว๊บมาสเตอร์

สวัสดีครับคุณหมีหนวดงาม นี่เล่นทักให้ห่างๆค.......กบ้างก็ได้ ณ นานๆมาที่เล่นทักซะเสียวเลยยยยย...ต้องบอกว่าเพื่อนเรามีความพยายามที่จะเข้ามาบ้านของพวกเราและมานั่งคุยกับเพื่อนๆทุกคนในบ้าน (เวบของพวกเรา) ที่พวกเราจะได้มาคุยโดยการแวะมาโพสข้อความดีๆหรือความรู้ที่อยากจะเผยแพร่และสุดท้ายคือการฝากความคิดถึง..ถึงเพื่อนๆ สงสัยหมีจะลืมกุญแจเข้าบ้านเรา ณ 5555 แล้วเพื่อนๆที่เหลือละครับยังไม่ได้เข้ามาใช้เว็บของพวกเราเป็นสื่อกลางให้เพื่อนๆได้รับทราบถึงความเคลื่อนไหวของคุณ

วันศุกร์ที่ 12-กันยายน - 2511 เวลา 21.50 น.


แว็บมาสเตอร์

ด่วน ห้ามอ่าน !!!!! ห้ามเปิด !!!!!

ครับผมได้รับบทความที่สนุกสนานเพื่ออ่านเล่นเอาไว้คลายเครียตจาก คุณ นู๊เอ๋เพื่อนเราเองครับอ่านแล้วต้องอมยิ้มขำขันครับแต่ต้องขออนุญาตเซนเซ่อXXXXครับถ้าสนใจคลิกด้านล่างได้เลยครับ ตรงที่ฝากข้อความ


วันพุธที่ 24 กันยายน 2551

จ่ายค่ายาล่วงหน้า

ได้รับ FW mail มาก็หลายวันแล้วเมื่ออ่านแล้วรู้สึกว่าต้องขอบอกต่อกันไปให้ได้อ่านทุกคนครับ เมล์นี้ท่านอ่านแล้วโปรดใช้วิจารณญานในการอ่านด้วยครับ มันเป็นความรู้สึกส่วนตัวที่ต้องขอบอกว่า ....!!! เยี่ยมจริงๆ

'อย่าหนีนะ เจ้าเด็กขี้ขโมย'

เสียงผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งตะโกนลั่น
พร้อมกับมีเด็กคนหนึ่งกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งวิ่งผ่าน
ฉันกับแม่ที่กำลังซื้อเนื้อหมูในตลาดไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งแม่และฉันหันไปดูทันเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้น แค่แวบเดียว แม่ถามฉันว่า

'อ้าวนั่นป้าร้านขายของไม่ใช่เหรอ'

'ใช่จ้ะแม่ แกวิ่งไล่ใครกันละ'

ป้าคนนั้นชื่อว่า 'ป้าหนอม'เป็นแม่ค้าขายของชำ
สารพัดอย่างในตัวตลาดในอำเภอที่ฉันอยู่มีฐานะ
จัดว่าดีกว่าแม่ค้าคนอื่นๆ ในละแวกเดียวกัน
และเป็นที่รู้จักกันว่าแกเป็นคนที่ขี้เหนียวอย่างร้ายกาจ
แถมปากจัดที่สุดในตลาดอีกด้วย ใครต่อราคาของ
มากเกินไปหรือถามราคาแล้วไม่ซื้อป้าแกจะโวยวาย
ชนิดต้องรีบเผ่นออกจากร้านแทบไม่ทันทีเดียว
เสียงเอะอะดังมากขึ้นฉันหันไปมองป้าหนอมจับข้อมือ
เด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 12-13 ขวบไล่เลี่ยกับฉัน
ซึ่งกำลังดิ้นรนอยู่ และป้าแกกำลังจะลงไม้ลงมือ แม่จึงเดินเข้าไปถาม

'พี่หนอม มีไรหรอคะ'

'ก็คุณเด็กเวรนี่นะสิ มันมา
ทำทีขอซื้อยาแก้ปวดกับยาธาตุ
พอฉันหยิบส่งให้ มันก็วิ่งหนีมาเลย เงินก็ไม่จ่าย'
พูดจบป้าหนอมก็ตบหัวเด็กคนนั้นอย่างแรงหนึ่งที
และคงจะมีตามมาอีกหลายทีแน่ถ้าแม่ฉันไม่ห้ามไว้
'ตายแล้วพี่หนอม อย่าถึงกับลงไม้ลงมือกันเลยนะ แล้วนี่จะทำไงต่อ'
แม่รีบตัดบทเพราะเห็นว่าเรื่องราวชักจะไปกันใหญ่
'เรียกตำรวจมาเอามันไปเข้าคุกนะสิ เสียนิสัย พ่อแม่ไม่สั่งสอนยังเด็กตัวแค่นี้ก็รึจะเป็นขโมยซะแล้ว ต่อไปก็คงต้องปล้นเขากินหละ'

ฉันสะกิดแม่ทันทีพร้อมกับมองพลางส่ายหัวน้อยๆ
ทำนองว่าอย่าไปยุ่งดีกว่าแม่มองฉันแล้วมองเด็กคนนั้น
ซึ่งท่าทางเหมือนกำลังจะร้องไห้แม่นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันไปพูดกับป้าหนอมว่า
'อย่าให้ถึงอย่างนั้นเลยนะพี่หนอมเด็กมันคงอยากซื้อยา
แต่ไม่มีเงินนะ เอาเป็นว่าฉันจ่ายให้ละกันนะกี่บาทกันละ'
ในที่สุดเรื่องก็จบลงโดยการที่แม่ยอมจ่ายเงินค่ายา
แก้ปวดกับยาธาตุแล้วแม่ก็จูงเด็กคนนั้นออกมาจากตลาด
แต่ป้าหนอมยังไม่วายเตือนแม่
'ใจดีกับเด็กขี้ขโมยแบบนี้ ระวังจะเสียใจทีหลังนะเธอ'
แม่ไม่ได้ตอบอะไรแต่พอเดินห่างจากร้านพอสมควรแล้วก็ถามว่า

'ทำไมหนูขโมยของป้าเขาละ'

เด็กคนนั้นเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมองแม่ แล้วตอบสะอึกสะอื้นว่า

'แม่ผมปวดท้องมากเลยครับ แล้วแม่ก็ไม่มีเงินไปหาหมอผมก็เลยต้อง...'

แม่มองหน้าเด็กคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยืนผลไม้ที่ซื้อมาให้เด็ก
คนนั้นถุงหนึ่ง แล้วบอกว่า
'ทีหลังอย่าขโมยของใครนะ ถ้าไม่มีเงินมาขอเงินน้าไปซื้อก็ได้นะ
น้าชื่อสมพรเปิดร้านเย็บผ้าอยู่ใกล้ๆนี่เองถามคนแถวนี้ก็ได้ รู้จักน้า
แทบทุกคนเลยแหละ เอ้า...เอา ส้มไปฝากคุณแม่ซิคนป่วยนะต้อง
กินผลไม้มากๆ จะได้หายไวๆ รู้มั้ย'
แม่เสริมพร้อมกับยิ้ม เด็กคนนั้นอึ้งอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะรับส้ม
พร้อมกับพูดขอบคุณแม่แล้วเดินจากไป
หลังจากนั้นพอกลับมาถึงบ้าน ฉันก็ถามแม่ทันที

'ทำไมแม่ต้องช่วยเด็กคนนันด้วยละ รู้จักกันหรอจ้ะ'

แม่ยิ้มแล้วตอบฉันว่า

'ไม่รู้จักหรอก แต่แม่เห็นเด็กคนนั้นรับจ้างหาบขนมขาย
อยู่แถวบ้านเราน่ะลูก แต่แกคงจำแม่ไม่ได้หรอกแม่ซื้อขนม แกอยู่ไม่กี่ครั้งเอง'

'แต่นั้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะต้องช่วยเหลือเขาถ้าเขาเป็นขโมยนี่แม่'

ฉันถามต่อ แม่มองหน้าฉันแล้วพูดว่า
'แม่เชื่อว่าเด็กที่เคยหาเงินด้วยตัวเองมาก่อนตั้งแต่อายุเท่าๆกับลูก
จะต้องเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบรู้คุณค่าของเงินทุกบาท
ทุกสตางค์ว่ากว่าจะได้มามันเหนื่อยยากขนาดไหนและคนที่มี
ความรับผิดชอบนะ จะไม่มีทางขโมยของใครนอกจากจะจำเป็นจริงๆ
เมื่อเขาไม่มีทางอื่นให้เลือกแล้วเท่านั้น'

ฉันฟังแล้วก็ถามแม่ต่อว่า
'แล้วต่อไปถ้าเขามาขอเงินแม่ไปซื้อยาอีก แม่จะให้เขารึเปล่า'
'ให้สิลูกถ้ามันไม่มากไม่มายอะไร

'แล้วแม่ไม่เสียดายเงินหรอบ้านเราก็ไม่ได้ร่ำรวยเหมือน บ้านป้าหนอมเขานะแม่'

'ถึงแม่จะไม่มีเงินทองมากนักแต่การที่ได้ช่วยเหลือคน
ที่กำลังลำบากน่ะ มันทำให้แม่มีความสุขแล้วยังได้บุญอีกด้วยนะ
แค่นี้แม่ก็พอใจแล้ว ไม่อยากได้อะไรตอบแทนหรอก'

แล้วแม่ก็พูดต่ออีกว่า

'จำไว้นะลูก คนเรานะต้องรู้จักให้อภัยและให้โอกาสคน
อื่นแก้ตัวเสมออย่างเด็กคนนั้น..แม่มั่นใจว่าแกทำไปเพราะ รักคุณแม่ของแกจริงๆ แม่ถึงช่วยแกเอาไว้'

แล้วแม่ก็พูดต่อว่า

'ลูกอาจจะบอกว่าขโมยเป็นสิ่งทีผิด ใช่...แม่ไม่เถียงแต่บางครั้ง
คนเราก็ต้องมองด้านอื่นๆบ้าง อย่าคิดแต่เรื่องทรัพย์สินเงินทอง
ตอนนี้ลูกอาจจะยังฟังไม่เข้าใจ แต่แม่เชื่อว่าสักวันลูกจะเข้าใจเองแหละ'

หลังจากนั้น ฉันกับแม่ก็หันไปคุยเรื่องอื่นๆกันต่อ ฉันเองไม่เคยคิดเรื่องนี้ ี้อีกเลยจนเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น ทำให้ฉันต้องย้อนกลับมาคิดถึงเรื่องนี้อีก ครั้งทั้งน้ำตา ว่าคำพูดของแม่ในครั้งนี้ถูกต้องที่สุดจริงๆ

หลังจากนั้นฉันเรียนจบระดับปริญญาตรีจากสถาบันราชภัฏ
แห่งหนึ่งในตัวจังหวัด แล้วฉันก็ได้งานทำในโรงงานในตัวจังหวัดนั้นเอง
เงินเดือนก็พอประมาณ สามารถเลี้ยงดูแม่ได้โดยไม่ขัดสนนัก
ฉันก็เลยขอร้องให้แม่หยุดรับจ้างเย็บผ้าเพราะอยากให้แม่พักผ่อนบ้าง
หลังจากทำงานหนักมาเกือบ 20ปีเพื่อส่งฉันเรียน แม่ยอมปิดร้าน
แต่ก็ยังรับงานเล็กๆ น้อยๆของเพื่อนบ้านมาทำบ้างโดยไม่คิดเงิน
แม่บอกว่าถ้าไม่ได้ทำอะไรเลยจะรู้สึกเบื่อ ฉันก็เลยต้อง ยอมตามใจแม่

ฉันทำงานอยู่ประมาณ 2-3 ปี แม่ก็เริ่มรู้สึกไม่สบายเริ่มจาก
ปวดหัวบ่อยขึ้น ช่วงแรกๆไม่กี่วันก็หายหลังจากนั้นก็เริ่ม
เป็นนานขึ้นเรื่อยๆ ฉันบอกให้แม่ไปหาหมอแล้วฉันก็พาแม่
ไปหาหมอในเมืองหมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แค่ทำงานหนัก
มากเกินไปหมอให้ยามาชุดหนึ่งพร้อมกำชับให้พักผ่อนมากๆ
จะได้หายเร็วๆ หลังจากกินยาตามที่หมอสั่งอาการปวดหัวของแม่ก็หายไป
ฉันเริ่มสบายใจขึ้น แต่หลังจากไปหาหมอได้ประมาณหนึ่งเดือน
แม่ก็เริ่มกลับมาปวดหัวอีกคราวนี้เป็นหนักมากกว่าครั้งที่แล้ว
ยาที่เคยกินแล้วได้ผลมาก่อนก็ไม่ได้ผลเลย

ฉันกังวลใจมากพอถามหมอหมอก็บอกว่าต้องไปตรวจ
ที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯเพราะว่าเครื่องไม้เครื่องมือพร้อมกว่า
โรงพยาบาลต่างจังหวัด

หลังจากนั้นฉันรีบพาแม่ไปกรุงเทพฯทันที
ไปยังโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งหลังจากหมอตรวจแล้วบอกว่า
มีเนื้องอกในสมองต้องผ่าตัดโดยด่วน หากปล่อยทิ้งไว้อาจไปทับ
เส้นประสาททำให้เป็นอัมพาตได้ หรือถ้าผ่าตัดไม่ทันก็อาจร้ายแรง
ถึงขั้นเสียชีวิต ฉันตกใจมากของให้หมอผ่าตัดให้ทันทีแต่หมอบอกว่า
โรงพยาบาลที่มีหมอผ่าตัดสมองที่มีความพร้อมที่จะผ่าตัดเนื้องอก
ในสมองเป็นอีกโรงพยาบาลหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงมากกว่า
ดังนั้นหมอจึงต้องส่งตัวคนไข้ไปยังโรงพยาบาลนั้น
ฉันก็ตกลง หลังจากถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลดังกล่าวแล้ว
แม่ก็ถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดทันที ขณะที่ฉันรออย่างกังวลใจ
อยู่ด้านนอก ทั้งเรื่องอาการป่วยของแม่และจากคำพูดของหมอ
ที่ทิ้งท้ายไว้ก่อนส่งตัวแม่มาที่โรงพยาบาลแห่งนี้

หมอบอกให้ทำใจไว้บ้าง
เพราะการผ่าตัดสมองเป็นการผ่าตัดที่เสี่ยงมาก
โอกาสที่คนไข้จะเสียชีวิตมีมาก
แม้การผ่าตัด จะประสบความสำเร็จก็ตาม
อีกเรื่องก็คือค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดสมอง ค่อนข้างสูง เป็นหลักแสนบาท
เมื่อรวมกับค่ายาระหว่างพักฟื้น
คิดแล้วน่าจะต้องใช้เงินราวๆ ห้าแสนบาท ฉันได้ยินแล้วแทบลมจับ
ฉันจะไปหาเงินห้าแสนบาทมาจากไหน
ลำพังเงินเก็บของฉันกับแม่ยังมีไม่ถึงห้าหมื่นบาทเลย
แต่ยังไงฉันก็ต้องรักษาแม่ให้หายส่วนเรื่องเงินไว้คิดทีหลัง

หลังการผ่าตัดเสร็จสิ้นลงเป็นโชคดีของแม่ทีการผ่าตัด
ประสบผลสำเร็จและไม่มีอาการแทรกซ้อนใดๆทางโรงพยาบาล
บอกให้พักฟื้นประมาณหนึ่งเดือนก็สามารถไปพักฟื้นที่บ้านได้

ทางโรงพยาบาลแจ้งรายการค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาให้ฉัน
ปรากฏว่า เป็นเงินจำนวนไม่ถึงหนึ่งพันบาทเป็นค่าติดต่อประสานงานเท่านั้น
ฉันแปลกใจมากจึงสอบถามกับนางพยาบาล นางพยาบาลบอกว่า
คุณหมอที่เป็นคนผ่าตัดและเป็นเจ้าของไข้
บอกไม่ให้คิดเงินกับฉันและแม่ โดยที่ทางโรงพยาบาลก็ไม่ทราบสาเหตุ

ฉันจึงขอพบคุณหมอคนนั้นเพื่อขอบคุณ
นางพยาบาลบอกว่าหลังจากเสร็จคุณหมอก็ถูกส่งตัว
ไปต่างประเทศทันทีเพื่อศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการ ผ่าตัดสมองที่อเมริกา
แต่คุณหมอได้ฝากจดหมายไว้ให้ฉันกับแม่

โดยกำชับกับทางโรงพยาบาลให้ฝากให้ฉัน
พร้อมกับใบเสร็จค่าใช้จ่ายอื่นๆ ของทางโรงพยาบาลในวันที่แม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้
เมื่อกลับถึงบ้าน
ฉันกับแม่ก็เปิดอ่านจดหมายของคุณหมอคนนั้น

เมื่ออ่านจบทั้งฉันและแม่ก็ร้องไห้ออกมาพร้อมกัน

เนื้อความในจดหมายมีดังนี้


ข้าพเจ้านายแพทย์เดชา ทองวิจิตร แพทย์ผู้ผ่าตัด
นางสมพร ภู่จันทร์
ขอสรุปค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดทั้งหมดดังนี้
ค่าผ่าตัด 0 บาท

ค่ายาทั้งหมด 0 บาท
ค่าใช้จ่ายอื่นที่เหลือ 0 บาท
รวมเป็นเงินทั้งหมด 0 บาท

ป.ล. ค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้รับแล้ว
เมื่อยี่สิบปีก่อนด้วยยาแก้ปวดยาธาตุ ส้มหนึ่งถุง

ขอให้สุขภาพแข็งแรงไปอีกนานๆ นะครับคุณน้า
นายแพทย์เดชา ทองวิจิตร

ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความ
และเพื่อนๆที่ FW Mail ดีๆมาให้
ที่ลืมไม่ได้ขอบคุณท่านที่อ่านจนจบ
และขอบคุณมากๆที่เผยแพร่ต่อไป
ขอบคุณจริงๆ
จากแว็บมาสเตอร์

วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2551

แบ่งปันความสุข ดับอากาศที่ร้อน ด้วยภาพ..ไร้เดียงสา

สวัสดีครับเพื่อนๆสมาชิกชาว NEC รุ่น 11 เนื่องจากในบรรยากาศยามนี้ดูเหมือนว่ามีลมพายุและแดดร้อนจัดมากอาจทำให้พวกเรารู้สึกว่าไม่ค่อยสบายปวดหัวตัวร้อนกันไปตามๆกัน... อึดอัดอึดอัด.. ธุรกิจก็ไม่ค่อยดีนักแถมนักลงทุนก็หายไปหมด ทุกคนก็ตกอยู่ในสภาวะเดียวกันหมดมองไปทางไหนก็เห็นแต่คนหน้าเหี่ยวกันไปหมด เฮ้ย มันเกิดอะไรขึ้น ณ ???? จิตใจห่อเหี่ยว!หน้าตาห่อเหี่ยว!ผิวหนังก็เหี่ยว!.. เหลืออย่างเดียว ห่อหมก (ห่อหมกปลาอินทรีย์จ้า) แฮะแฮะ เมื่อมีโอกาสก็ขอให้พวกเราได้หันมาปรึกษาพูดคุยแลกเปลี่ยนแชร(ไม่ได้ชวนเล่นแชรนะเด๋วเข้าใจผิด)ประสพการณ์ที่เป็นประโยชน์ให้กับเพื่อนๆฟังกันบ้าง พูดคุยก็ผ่านมาเยาะแล้วก็ขอได้ฝากรูปที่ดูแล้วต้องบอกว่า...อึ่มนายแน่มาก ฮิฮิ เป็นรูปที่บังเอิญผมได้ไปถ่าย (เกือบมีกลิ่นล๊ะ) เอาไว้นานแล้ว ผมเห็นว่าน่าจะนำมาแชรให้เพื่อนๆชาว NEC รุ่น11 ได้ดูเพื่อแก้เซ็งในยามนี้ครับ

๑.ไร้เดียงสา .....


๒. ลูกใครหว่า .....(เหมือนลูกใครไม่รู้ที่เห็นพ่ออุ้มลูกอยู่ในไฮไฟนะ)


๓. บ้องแบ้ว .......... ยอดตอง ไม่รับซะคน ฤ


ป็นอย่างไรบ้างครับเห็นรูปแล้วคงจะช่วยดับอากาศที่รุ่มร้อนลงได้บ้างนะ ฤ ท่านว่าไง
ถ้าเพื่อนๆมีรูปที่คิดว่าดูดีและเป็นประโยชน์ก็ขอให้ส่งมาผมจะลงให้ครับ เอาไว้ไปเม้าท์กันที่งานเลี้ยงนะครับ ดีใจด้วยที่เพื่อนๆได้รับปากว่าจะไปกันมากๆ ...บาย
เป็นอย่างไรบ้างครับ..แล้วก็มีเหยื่อ แฮะแฮะ ไม่ช่ายเพื่อนขาประจำเองมาฝากความคิดเห็นครับ..เอ้าอ่าน ณ
เด็กหนองมนไม่ทอดทิ้งกัน ได้ฝากความคิดเห็น
น่ารักดีน่ะลูกใครเนี่ย ช่วงนี้หลังจากพี่ไพบูลย์มีรูปดีๆแว๊บๆใน Web เราเนี่ยเพื่อนจะขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆน่ะตะโขงตะเข้มาเรื่อยๆเลยขอชมเชยความคิดยอดเลยครับที่จะนำเสนอสื่อๆดีมาใหม่

เขียนโดย เด็กหนองมนไม่ทอดทิ้งกัน ถึง กลุ่ม NEC ม. บูรพา รุ่น 11/2551 เวลา วันศุกร์, 05 กันยายน, 2008
นี่ยังไม่รู้ตัวว่าถูกแซวนะเนี่ยคุณ ธนัชเด็กหนองมน 555555

งานสัมมนา " การพัฒนาธุรกิจในมิติทางการตลาดและการสื่อสารการตลาดครบเครื่อง "

ข่าวประชาสัมพันธ์ ด้วยศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 9 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้จัดให้มีการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ " การพัฒนาธุรกิจในมิติทางการตลาดและการสื่อสารการตลาดครบเครื่อง " จึงขอเชิญท่านสมาชิกกลุ่ม NEC รุ่น 11 ทุกท่านได้รับทราบทั่วกันครับ โดยมีรายละเอียดตามที่เอกสารแนบมาครับ ในรายการนี้ฟรีตลอดรายการครับแต่ไม่มีที่พักให้นะครับ ขอให้ท่านสมาชิกทุกท่านได้ส่งแบบตอบรับกลับภายในวันที่ 12 กันยายน 2551 ครับ โทรสาร 0-3826-1201

วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2551

รายชื่อคณะทำงาน NEC ภาคตะวันออก

รายชื่อคณะทำงาน NEC ภาคตะวันออก
รายชื่อของคณะทำงานในเครื่อข่ายผู้ประกอบการใหม่ภาคตะวันออกซึ่งจัดโดย
สำนักงาน ศูนย์ส่งเสริมอุตสาห์กรรมภาคที่ 9 กระทรวงอุตสาห์กรรม ได้จัด
ให้มีการเลีอกตั้งให้เกิดคณะทำงานเครื่อข่ายของผู้ประกอบการใหม่ NEC
โดยมีรายชื่อของคณะทำงานดังนี้

แล้วเพื่อนที่เหลือหายไปไหนหมด?????

ได้รับข้อความโพสของเพื่อนๆที่ต้องบอกว่าเปน(ยืมภาษามาจากไฮไฟครับ)เป็นขาประจำของเว็บ NEC ขนาดแท้ที่มีข้อความที่ฝากถึงเพื่อนและบทความที่เปน(ไฮไฟอีกแล้วฮิฮิ)ประโยชน์มาฝากพวกเราครับ แล้วเพื่อนๆที่ยังไม่ได้เข้ามาดูและที่ยังไม่เคยมาโพสข้อความให้เพื่อนๆและทักทายกันเลยก็ขอให้ได้เข้ามาใช้เว็บไซต์ของพวกเราได้เป็นสื่อกลางเพื่อที่พวกเราจะได้ไม่ลืมกันครับสำหรับคนที่ยังไม่เคยได้เข้ามาก็ขอให้ได้เข้ามาดูมาชมและสุดท้ายให้ช่วยกับฝากข้อความหรือใครที่มีสาระความรู้ที่เป็นประโยชน์มาให้เพื่อนๆได้อ่านครับ
..ไม่มีเวลา
..ไม่ได้เปิดเน็ต
..ไม่ว่าง
..ไม่ 1..ไม่ 2
..ไม่ 3..ไม่ 4
...และสุดท้ายเลยไม่รู้ว่าพวกเราทำอะไรเลย

ครับต้องขอฝากข้อความดีๆที่มีสาระมาสองฉบับครับ..เจ้าเก่าชักน้อยใจ..

1.เอ๋ เด็กพัทยา กล่าวว่า...
หวัดดีเพื่อนๆทุกคน หายกันไปหมดเลย ไม่มีใครสนใจเลยนะ WEP นี้ ขอความกรุณามาช่วยกันฝากความคิดเห็นหน่อยนะ คิดถึงทุกคนนะคะ
วันอาทิตย์, 31 สิงหาคม, 2008



2.สวัสดีขอรับเพื่อนๆพี่ๆทุกคนผม ธนัช เด็กหนองมน เจ้าเก่ามีคนเดียวที่มีข่าวสาร-สาระต่างๆแจ้งให้เพื่อนๆทราบกันครับ เงียบไปเลยเพื่อนๆไปประชุมกันหรือเปล่าล่ะ คุณหมีหนวดงาม ชิ้นส่วนยังอยู่ครบน่ะช่วงนี้การ(เXXXXXXXXXXเซ็นเซอร์เดี๋ยวไม่ได้มาคุยด้วยไม่รู้ด้วยนะพี่น้อง)ครับอย่าเครียตมากน่ะครับหาเวลาผ่อนคลายกันบ้านน่ะ วันนี้มีสาระเล็กน้อยถ่ายทอดให้มิตรรักทุกคนกั๊บ วันนี้เรื่อง ระบบฟอกอากาศครับผม1.ระบบแผ่นฟอกอากาศหรือตะแกรงประจุที่อยู่ภายในเครื่อง2.ระบบแผ่นอนุภาคไฟฟ้าออกมานอกเครื่องแบ่งเป็น2.1 พ่นอนุภาคไฟฟ้า - เพียงอย่างเดียว2.2 พ่นอนุภาคไฟฟ้า - และ + ทั้งคู่ระบบแผ่นฟอกหรือตะแกรงประจุที่อยู่ภายในเครื่องจะดีสำหรับการดักจับฝุ่น ควัน เพราะจะถูกดูดเข้ามาภายในเครื่อง แต่ก็จะไม่ได้ผลในกรณีที่ผู้ใช้แอร์ยอมไม่เปลี่ยนแผ่นฟอกอากาศหรือทำความสะอาดแผ่นประจุบ่อยๆ สำหรับเชื้อโรคบางชนิดก็สามารถถูกจับได้เหมือนกันแต่ก็ติดปัญหาที่ว่ามันไม่ตายและสะสมอยู่ในเครื่อง สังเกตุได้จากการมีกลิ่นอับชื้นตอนเปิดแอร์ ซึ่งเป็นกลิ่นอับชื้นมาจากเชื้อราภายในเครื่อง สามารถทำให้คนเกิดอาการภูมิแพ้ได้ เช่นจาม คัดจมูก หนัหหน่อยก็พัฒนาเป้นโรคหอบหืดระบบพ่นอนุภาคไฟฟ้า + และ - ออกมาจากเครื่อง (ระบบพลาสม่าคลัสเตอร์)จะมีผลไปฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อไวรัส ที่ลอยในอากาศในห้อง ทุกซอกมุม หรือไปเจอกลิ่นอับชื้นที่ไหน ก็จะสลายกลิ่นเหล่านั้นให้หมดไปจากโลก ลาสุดค้นพบว่าพลาสม่าคลัสเตอร์ สามรถสลายสารก่อภูมิแพ้จากตัวไรฝุ่นได้ ประสิทธิภาพเหล่านี้ถูกรับรองจากสถาบันวิจัย นานาชาติ 8 แห่ง ส่วนผู้ที่ควรใช้ระบบฟอกอากาศมีดังนี้1. ผู้ที่มีโอกาสหรือเป็นโรคภูมิแพ้2. เด็ก ทารก เพราะมีภูมิคุ้มกันต่ำ3. ผู้สูงอายุเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และควบคุมระบบขับถ่ายไม่ได้4. ผู้สุบบุหรี่ หรือ ผู้อยู่ใกล้5. ผู้ที่เป็นหวัดบ่อยๆ 6. คลีนิค โรงพยาบาล ห้องอาหาร คาราโอเกะ ต่างๆวันนี้ฝากสาระแค่นี้กั๊บ
วันพุธ, 03 กันยายน, 2008

ขยันจริงนะเด็กหนองมนเหนอุ้มลูกครายหนะใน ไฮไฟฮิฮิ...... อ๋อลูกตัวเองเหลอ

ประชาสัมพันธุ์ร้านอาหาร-งานเลี้ยงครั้งที่ 2

เพื่อนๆชาว NEC ผมขอประชาสัมพันธุ์ถึงร้านอาหารที่พวกเราจะไปในงานเลี้ยงของรุ่นเราในครั้งที่ 2 มาให้ทราบทุกคนด้วยครับ ชื่อร้านอาหารเดอะซี ที่ห้อง V 1 ห้องจะเปิดให้ตั้งแต่เวลา 16.00 น. ชื่อที่จอง ไพบูลย์ ครับผมเองต้องขอฝากเป็นเอกสารมาให้ครับ และขอเชิญชวนเพื่อนๆที่ยังไม่ได้ส่งรายชื่อเข้ามาให้รีบแจ้งด้วยครับ อัพเดทครับ เพื่อนที่จะมาเพิ่ม 1. ประยุทธ 2. สันติ 3. คณิศร์ 4. วีระพล 5. อัครัช 6. เกรียงไกร 7. ชูศักดิ์ 8. ? ไม่ทราบว่าเพื่อนๆที่เหลือช่วยส่งข่าวมาด้วยแล้วเจอกันที่งานเลี้ยงเลยนะครับ....

tong - ga กล่าวว่า...
ดีนะที่วันเสาร์ไม่ได้ทำงาน จะไปตั้งแต่ห้องเปิดเลย ถึงห้องก่อนมีสิทธิ์ก่อน ดีม๊ะ


tong - ga
วันพฤหัสบดี, 04 กันยายน, 2008


เอายังงั้นหรือลูกตอง เอาเสื่อเอามุ้งหมอนมาด้วยนะ 55555..แป่ว


^^^aaAAaa^^^^pattaya กล่าวว่า...
เห็นภาษาเขียนแล้ว สุดยอดเลย ถ้าได้เห็นตัวจริงถึงกะผงะ
คนอารายวัยสะรุ่นได้ใจจริงๆๆ อย่างว่าพี่เค้าก๊อบลูกชายมาเต็มๆ สิทธิ์ที่ได้คืออะไร เห็นนู๋ตองบอกว่าถึงก่อนมีสิทธิ์ก่อน อยากรู้จังมันคือ...อะไร.
วันพฤหัสบดี, 04 กันยายน, 2008


มันก็สิทธิของเธอเป็นที่รักของใครต่อใคร... ฮั่นแน่ครวญเพลงของพี่ป้อมมาซะเลย สิทธที่ไปถึงก่อนก็จ่าย 2เด้งเอ้ยไม่ใช่!!!! ไปก่อนก็ร้องเพลงก่อนไง นู๋เอ๋จาได้ไม่ต้องแย่งไมค์กับใครแถมยัง Request เพลงที่ต้องการก่อน ฮิฮิ


Nong Muk^^ กล่าวว่า...
รับทราบคะ ร้านอยู่ใกล้บ้านดีจริงๆต้องไปตีซี้กะเด็กเสริฟก่อนละเผื่อเขาจะเปิดห้องให้ตั้งแต่บ่ายสามโมงจะได้เรียกดิแก๊งของมุกมาก่อน อิอิงานนี้ต้องเตรียมตังค์ไปกี่หมื่นคะร้านนี้แพงมากอ่ะ..เริ่มเหงื่อตก ฮือๆ
วันศุกร์, 05 กันยายน, 2008


แว็บมาสเตอร์ (แว็บจริงๆด้วย)


กินกินไปเถอะ อเมริกันแชรอยู่แล้ว เหล้าบุหรี่ไม่แชรนะจ๊ะ ใครจาเติมมาเร็งตับมาเร็งปอดก็เติมคนเดียวเน้อ แฮะแฮะสมาชิกคอมเม้นท์มาครับวันศุกร์, 05 กันยายน, 2008 เวลา 23.11 น.


ต้องขออภัยด้วยครับคุณ clean-bigboss ที่ไม่ได้เปิดคอรั่มใหม่ให้เพราะว่าเดี๋ยวจะมีเพื่อนๆชาว NEC บางคนเพิ่งจะเข้ามาดูเวบไซต์ของเราครับเพราะว่าผมได้บอกไปว่าให้เข้ามาดูที่อยู่ร้านอาหารที่พวกเราจะไปสังสรรคกันครับผมเกรงว่าเดี๋ยวเพื่อนเราที่เป็นมือใหม่หัดขับ (เอ้ยไม่ช่าย)มือใหม่หัดเล่นเน็ตจาหาหน้าที่มีที่อยู่ของร้านอาหารจะหายไปจากหน้าปัจจบันที่เราดูอยู่ครับถ้าเพิ่มคอรั่มใหม่จะทำให้หน้าเวบปัจจบันจะหายไปครับ


clean-bigboss กล่าวว่า...



อีกแล้วก๊าบ ผมธนัช เด็กหนองมน ขอขอบคุณคนที่ชมแต่ไม่เอ๋ยนามกับสาระดีๆที่ส่งให้เพื่อนๆได้ลับสมองเล็กน้อยครับ แซวหน่อย ที่น้องตองบอกช่วยเคลียรืข้อกังแขนหน่อย ที่ว่าถึงก่อนมีสิทธิ์ก่อนน่ะ ส่วนขอชมพี่ไพบูลยนำรูปลูกสาวผมมาลงก๊าบ ค่อนข้างจะคล้ายน่ะ (ทำมากับมานิ) ช่วงนี้เพื่อนสมาชิกมาส่งข่าวมากขึ้นเรื่อยๆน่ะ ดีครับจะได้มีสาระเพิ่มมากขึ้น พี่ประเสริฐแก๊งดาวกระ___เป็นไงบ้างครับ แกเข้มมากเลย เจ๊เหมียวแกก็หายป่านนี้คงเอาผ้าเหลืองคาดหัวแย้วๆอยู่หน้าเวทีมั๊งส่วนคุณประยุทธแกลงรายชื่อมาเป็นคนแรกนั้นไม่รู้จะมาหรือเป่า น่าจะช่วยคนทางบ้านขายของมากกว่า วันนี้ฝากสาระเล็กน้อยจะได้ไม่เคลียตกันยิ่งช่วงนี้บ้านเมืองก็เคลียตมากอยู่แล้ว ทำไมต้องล้างแอร์ล่ะเสียกะตังค์เป่าๆช่วยเคลียร์ให้หน่อย เอาตังค์ไปซื้อโค๊กกินจะอิ่มกว่ามั๊งปัจจุบันมลภาวะทางอากาศเช่น ฝุ่นละออง ควันพิษ เพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆเช่น เมืองหลวงของเรา เป็นต้น แน่นอนมลภาวะเหล่านี้ไม่เป็นผลดีทั้งต่อมนุษย์และเครื่องใช้ โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศ ที่แทบทุกบ้านใช้กันอยู่ หลายๆสาเหตุของแอร์เกิดจากเพียงแค่แอร์สกปรกหรือแอร์ตันจากการสะสมของฝุ่นละอองเท่านั้นซึ่งเป็นเพียงแค่ปัญหาเล็กๆแต่ถ้าปล่อยไว้นาน ปัญหาเล็กๆ ก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ หรือเป็นจุดเริ่มต้นของแอร์เสียได้ ยิ่งทิ้งไว้นานก็ยิ่งลุกลามจนอาจจะต้องเปลี่ยนแอร์เนื่องจากไม่สามารถเยียวยาได้ นี่ก็คือสาเหตุที่ทำไมต้องล้างแอร์ นั่นก็คือเราจะเสียเงินค่าบำรุงรักษาแอร์น้อยกว่าการเสียเงินเพื่อซ่อมแซมแอร์นั่นเองรวมทั้งค่าไฟฟ้าด้วยโดยปรกติบ้านเรือนทั่วไปที่มีเครื่องปรับอากาศ ควรจะบำรุงรักษาโดยการล้างแอร์เต็มระบบเป็นประจำอย่างน้อยปีล่ะ 1-2 ครั้งหรือปีละ 3-4 ครั้ง สำหรับบ้านเรือนที่อยู่ติดถนนหรืออาคารสำนักงานที่มีเครื่องปรับอากาศเต็มที่เป็นเวลานานๆ เอาล่ะวันนี้เบาๆก่อนน่ะอาจจะไร้สาระบ้างนิดหน่อยคราวหน้าจะมีสาระดีๆแบ่งปันให้เพื่อนๆใหม่ครับผมนายธนัช เด็กหนองมนสวัสดีครับขอบคุณพี่ไพบูลย์ที่ช่วยเผยแพร่สาระต่างๆของผมให้กับเพื่อนทุกๆคนครับ
วันศุกร์, 05 กันยายน, 2008


ด่วน !!!!!



ข่าวประชาสัมพันธ์ !!



รับสมัครคนล้างจาน..รายได้ดี



สถานที่ทำงานตรงหนองงูเห่า (โฮ่งๆ)



ค่าแรงวันละ 8,000 บาท ย้ำวันละ แปดพันบาทครับ ??



( ล้างจานนี่นะ ) น่าทำกว่าล้างแอร์ นิ ***เด็กหนองมน สนอ๊ะป่าว??



ล้างแค่วันละ 1 ใบก๋อเสร็จงาน.... ชักสนแฮะ!!



ไม่จำกัดวุฒิแต่จำกัดอายุนิดหน่อย ไม่ต้องมีประสพการณ์



มาสมัครปุ๊บรับปั๊บเลย !!!



รับจำนวนจำกัดครับ...มาก่อนก็ได้งานก่อน



?? เอ...ชักสงกะสัยแล้วล้างจานอาไรค่าแ


รงวันละ แปดพันบาท



? ล้างวันละ 1 ใบก็เสร็จงาน



?? ไม่จำกัดวุฒิ ไม่ต้องมีประสพการณ์



?? สมัครปุ๊บรับปั๊บเลย



?? เพ่..เพ่..ล้างจานอารายเนี่ยถึงได้ง่ายจัง..



แฮะแฮะ..ล้างจานดาวเทียมที่สนามบินสุวรรณภูมิอ๊ะ.5555+++


( โจ๊กคลายเครียต : จาก ถนัด เด็กหนองงูเห่า ..โฮ่งๆ )


เสาร์ที่ 6/09/2551 . เวลา 21.00 น.



Nong Muk^^ กล่าวว่า...
อยากเห็นหน้าเว็บมาสเตอร์อ่ะทำไมใช้แท็ก HTML ไม่ได้ตั้งหลายแท็กคะตอบหน่อย อยากรู้ๆๆ



วันเสาร์, 06 กันยายน, 2008 เวลา 21.30 น.



นอนดึกจริงๆนะ

Nong Muk^^

แว็บมาสเตอร์ก็ยังไม่นอนเหมียนกันเน่อขออภัยภาษาปะกิดไม่ค่อยคล่อง.....



ขออนุญาตแปลภาษาปะกิดหน่อยเน่อ



H = Holidays



T = Tea Time



M = Movie



L = Landing แล้วมันเกี่ยวกันไม้เนี่ย555


หวาดเสียว
วันเสาร์ 06/09/2551 เวลา 21.45 น.


Nong Muk^^ กล่าวว่า...

ตอบนอกเรื่องจริงๆเล้ย...ไม่เชื่อหรอกว่าไม่รู้จักภาษา HTML(Hypertext Markup Language ต่างหากเล่า ชิ)ใช้ได้ไม่กี่แท็กอ่ะ ไม่สนุกเลย

วันอาทิตย์, 07 กันยายน, 2008 เวลา 19.05 น.


แว็บมาสเตอร์

จาให้แปลอีกไม้เนี่ย HTML เดี๋ยวลุงก็พาออกทะเลหร๊อกกกกก 555

วันอาทิตย์, 07 กัยยายน, 2008 เวลา20.44. น.

ครับต้องขออนุญาตท่านที่โพสข้อความขำกลิ้งมาครับ
สนุกจริงๆ สนใจคลิกเข้าไปดูที่ฝากข้อความด้านล่างนี้ครับ เซ็นเซอร์หน่อยเน่อ!!!

วันจันทร์ที่ 8/09/2551 เวลา 13.00 น.

tong-ga กล่าวว่า...

อยากเปลี่ยนอ่ะ ไม่ชอบสีเขียวเลย มันดูแก่นะ ชมพู ฟ้า ม่วงอ่อน ได้ม๊ะ ขอร้อง

วันพุธ, 10 กันยายน, 2008

แว๊บมาสเตอร

ทำยังกับเป็นหน้าต่างที่บ้านตัวเองเลย ณ จะได้เปลี่ยนสีผ้าม่านได้บ่อยๆ

ขอบใจที่แวะมาโพสบ่อยๆ ณ เดี๋ยวจะลองเปลี่ยนดู แต่ว่า เอ..ไอ้สีม่วงๆหนะมันเป็นสีคนอื่นไม่ใช่หรือครับ

วันศุกร์ที่ 12-กันยายน - 2551 เวลา 20.48 น.